หลังจากเปิดตัว Honda Jazz ไปได้ไม่นาน ฮอนด้า ออโตโมบิล ก็ไม่รอช้าจัด แอคคอร์ด ไฮบริด ออกมาให้ได้ยลโฉมกันต่อเลย Honda Accord Hybrid ทำงานด้วยระบบ Sport Hybrid i-MMD (Sport Hybrid Intelligent Multi-Mode Drive) แบบ Full Hybrid ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ Atkinson Cycle DOHC i-VTEC ขนาด 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 143 แรงม้า ด้วยแรงบิดสูงสุด 165 นิวตัน-เมตรที่ 4,500 รอบต่อนาที ผสานการทำงานกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ที่ให้กำลังสูงสุด 169 แรงม้า ด้วยแรงบิดสูงสุดถึง 307 นิวตัน-เมตร และเกียร์ E-CVT พร้อมด้วยแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ให้อัตราการประหยัดน้ำมันสูงถึง 23.6 กิโลเมตรต่อลิตร สูงที่สุดในกลุ่มรถยนต์ระดับเดียวกัน นับเป็นนวัตกรรมไฮบริด ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด ให้สมรรถนะการขับขี่อันทรงพลัง ประหยัดพลังงาน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ฮอนด้า แอคคอร์ด ไฮบริด ยังคงความโดดเด่นด้วยดีไซน์ ที่หรูหรา สง่างาม เพิ่มความล้ำสมัยมากยิ่งขึ้น ด้วยไฟหน้า ไฟท้าย และกระจังหน้าตกแต่งด้วยเลนส์สี Clear Blue ภายในห้องโดยสารยังคงความสะดวกสบาย กว้างขวาง ให้ความเงียบสบายตลอดการเดินทาง ครบครันด้วยฟังก์ชั่นการใช้งานระดับพรีเมี่ยมและเทคโนโลยีความปลอดภัยอันเหนือชั้น พร้อมตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในกลุ่มรถยนต์ระดับพรีเมี่ยม ด้วย 2 รุ่น ราคาตั้งแต่ 1,659,000 – 1,899,000 บาท
นอกจากนี้ ยังมีหน้าจอแสดงผลการจ่ายไฟและชาร์จไฟของระบบไฮบริด (Power and Charge Meter) และสวิตช์ควบคุมโหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า Eco Coaching ระบบแสดงผลการขับขี่แบบประหยัดน้ำมัน รวมทั้งปุ่ม Econ Mode ที่ช่วยควบคุมการใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด และรองรับพลังงานทางเลือก E20
ระบบไฮบริดแบบอัจฉริยะที่สามารถปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ให้เหมาะสมกับทุกสภาพการขับขี่ได้ถึง 3 โหมด ดังนี้
1. โหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Drive Mode) มอเตอร์จะขับเคลื่อนล้อด้วยพลังงานไฟฟ้า จากแบตเตอรี่ และในขณะลดความเร็วจะเปลี่ยนพลังงานที่เกิดจากการลดความเร็วนั้นให้เป็นพลังงานไฟฟ้าและชาร์จกลับไปยังแบตเตอรี่ ซึ่งในระบบนี้จะให้ทั้งสมรรถนะการขับขี่ที่ดีเยี่ยม และความเงียบเช่นเดียวกับรถยนต์ไฟฟ้า เป็นระบบที่เหมาะสมกับการขับขี่ในเมือง
2. โหมดการขับขี่ด้วยระบบไฮบริด (Hybrid Drive Mode) เป็นระบบขับเคลื่อนที่ใช้พลังงานไฟฟ้าที่เกิดจากเครื่องยนต์ และพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ ผสานกำลังในการขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้า ทำให้เกิดแรงบิดสูงสุดอย่างรวดเร็ว มีอัตราเร่งที่ตอบสนองทันใจ และในขณะลดความเร็ว เครื่องยนต์จะหยุดทำงาน และชาร์จไฟกลับอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นระบบที่เหมาะสมกับการขับขี่ในขณะเร่งความเร็ว
3. โหมดการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ (Engine Drive Mode) พลังขับเคลื่อนจะมาจากเครื่องยนต์ โดยชุดล็อกอัพคลัทช์ที่อยู่ในเกียร์ E-CVT จะเชื่อมต่อกับเครื่องยนต์ และส่งกำลังจากเครื่องยนต์ไปยังล้อโดยตรง ซึ่งให้ประสิทธิภาพสูงและแรงเสียดทานต่ำ เป็นระบบที่เหมาะสมกับการขับขี่ด้วยความเร็วสูงคงที่Printการออกแบบภายนอกยังคงความหรูหรา สง่างาม และเพิ่มความล้ำสมัยมากยิ่งขึ้น ด้วยไฟหน้าแบบ LED ตกแต่งด้วยกรอบสีฟ้า ไฟท้ายแบบ LED และกระจังหน้าดีไซน์พิเศษตกแต่งด้วยเลนส์สี Clear Blue ภายในห้องโดยสารยังคงความกว้างขวาง สะดวกสบาย ครบครันด้วยฟังก์ชั่นการใช้งานระดับพรีเมี่ยม อาทิ ระบบสั่งการแบบอัจฉริยะ ที่ควบคุมระบบเครื่องเสียง ระบบนำทางเนวิเกเตอร์ ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์ไร้สาย และข้อมูลรถยนต์ผ่านหน้าจอระบบสัมผัสขนาด 7.5 นิ้ว พร้อมด้วยพวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชั่นที่ให้การควบคุมระบบต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดาย และปุ่มควบคุมแบบ Interface Dial
เพิ่มความมั่นใจในการขับขี่กับมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุด ด้วยโครงสร้างตัวถังแบบ G-ForceControl (G-CON) ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS) พร้อมระบบกระจายแรงเบรก (EBD) ระบบควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง (VSA) ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (HSA) สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน (ESS)
ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch) กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ ระบบถุงลม 6 ตำแหน่ง ได้แก่ ถุงลมคู่หน้า (Dual i-SRS) ถุงลมด้านข้างคู่หน้าอัจฉริยะ (i-Side Airbag) ม่านถุงลมด้านข้าง (Side Curtain Airbags)
ด้วยความที่เป็นรถไฮบริดเครื่องยนต์จึงเงียบมากเมื่ออยู่ในโหมดมอเตอร์ไฟฟ้า ทางฮอนด้าจังได้เพิ่มฟังก์ชั่นใหม่ล่าสุด เสียงเตือนคนภายนอกรถ ขณะขับขี่โหมดมอเตอร์ไฟฟ้า (AVAS) โดยระบบจะส่งเสียงเตือนผู้ที่อยู่ภายนอกรถสามารถรับรู้ว่ามีรถเคลื่อนตัวอยู่ในระยะใกล้ ซึ่งมีอยู่ใน ฮอนด้า แอคคอร์ด ไฮบริด ใหม่ทุกรุ่น นอกจากนี้ยังเพิ่มความปลอดภัยยิ่งขึ้นด้วยระบบเตือนการชนด้านหน้า ด้วยเรดาห์พร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Brake System: CMBS) และระบบไฟส่องสว่างด้านข้างอัตโนมัติ (Active Cornering Light)
ราคา ฮอนด้า แอคคอร์ด ไฮบริด ใหม่ มีให้เลือก 2 รุ่น ได้แก่ รุ่น Hybrid ราคา 1,659,000 บาท และ รุ่น Hybrid TECH ราคา 1,899,000 บาท โดยมีให้เลือก 4 สี ได้แก่ สีดำคริสตัล (มุก) สีเทาโมเดิร์นสตีล (เมทัลลิก) สีเงินอลาบาสเตอร์ (เมทัลลิก) และสีขาวออร์คิด (มุก) และเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับคุณภาพที่เหนือชั้นแห่งยนตรกรรมไฮบริดจากฮอนด้า ได้รับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง และรับประกันอายุการใช้งานแบตเตอรี่ถึง 10 ปี เมื่อจองหรือรับรถภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2557 นี้