เย็นวันศุกร์คือช่วงเวลาที่หนุ่มสาวมักจะนัดแฮงค์เอาท์กับเพื่อนฝูง ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของคนในปัจจุบัน โดยบางครั้งปฏิเสธไม่ได้ว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นเสมือนหนึ่งในสัญลักษณ์ของการสังสรรค์และเฉลิมฉลองในหลายโอกาส สำหรับคนรุ่นใหม่สายปาร์ตี้ที่มีแผนไปตลุยราตรีกับแกงค์เพื่อน บริษัท ‘DMHT’ ดิอาจิโอ โมเอ็ท เฮนเนสซี่ (ประเทศไทย) จำกัด จะมาเผยเคล็ดลับ DRINKiQ เทคนิคการดื่มมาฝาก สิ่งสำคัญข้อแรกที่ควรทำคือ
กินอาหารรองท้องสักนิดก่อนดื่มเพราะถ้าท้องว่างร่างกายจะดูดซึมแอลกอฮอล์เร็วมากเพียงครึ่งชั่วโมงคุณก็อาจจมึนได้แล้ว ทำให้เมาเร็วกลายเป็นพวกคออ่อนในสายตาเพื่อนๆ พาลให้หมดสนุกเอาง่ายๆ เชื่อว่าคุณคงไม่อยากเป็นคนแรกที่กลับบ้านตั้งแต่ความสนุกยังไม่เริ่ม! เคล็ดลับที่สำคัญอีกอย่างคือไม่ควรเติมเครื่องดื่มอยู่เรื่อยๆ โดยที่ยังดื่มไม่หมดแก้ว เพราะจะไม่รู้เลยว่าดื่มไปแล้วกี่แก้วนอกจากจะเปลืองแล้วยังทำให้เมาเกินเหตุอีกด้วย
ถ้าไม่อยากเมาจนขาดสติผมขอแนะนำตัวช่วยอย่าง “โปรแกรมคำนวณแอลกอฮอล์” สำหรับผู้ที่ต้องการเช็คแคลอรี่ หรือปริมาณแอลกอฮอล์ในเครื่องดื่ม เพียงสแกน QR Code ด้านบน โปรแกรมจะคำนวณจำนวนหน่วยที่บริโภค ปริมาณแคลอรี่ และระยะเวลาที่แอลกอฮอล์ขับออกจากร่างกายแบบอัตโนมัติ ถือเป็นตัวช่วยที่ดีให้เราได้วางแผนก่อนดื่มได้อย่างดีเยี่ยม
นอกจากเคล็ดไม่ลับการเตรียมความพร้อมก่อนดื่มแอลกอฮอล์ที่เอามาแนะนำกันแล้ว เรายังมีเรื่องความเชื่อที่บอกเล่าต่อๆ กันมามีทั้งจริงบ้าง ไม่จริงบ้างเรามาลองดูกันว่าอันไหนจริง หรืออันไหนมั่วนิ่ม
ดื่มกาแฟดำจะช่วยทำให้หายแฮงค์…เหรอ!
อันนี้บอกเลยว่า –ไม่จริง– กาแฟมันแค่ช่วยลดอาการง่วงซึมของเราเพราะเที่ยวจนดึกดื่น แต่ไม่ได้ช่วยเร่งการขับแอลกอฮอล์ออกจากร่างกายหรือลดความมึนเมาเลย จริงๆ แล้วกาแฟดำออกฤทธิ์ขับปัสสาวะเช่นเดียวกับแอลกอฮอล์ ซึ่งจะยิ่งทำให้ร่างกายขาดน้ำขึ้นไปอีก วิธีแก้อาการเมาที่ถูกต้องคือ ควรนอนพัก และดื่มน้ำเปล่าเยอะๆ จะดีกว่า
ดื่มน้ำก่อน และหลังดื่มแอลกอฮอล์ ช่วยป้องกันอาการเมาค้าง
ขอบอกว่า –จริง– เพราะแอลกอฮอล์มีฤทธิ์ขับปัสสาวะส่งผลให้ร่างกายขาดน้ำ ก่อให้เกิดอาการเมาค้างนั่นเอง ดังนั้นควรดื่มน้ำเยอะๆ ทั้งก่อน ระหว่าง และหลังการดื่มเแอลกอฮอล์ เพราะจะช่วยให้ร่างกายไม่ขาดน้ำได้…เอ้า! รออะไรหาน้ำมาดื่มดิ
ดื่มเหล้าโดยใช้หลอดดูด จะเมาเร็วขึ้น
อันนี้ –จริง– มีความเป็นไปได้ เพราะเมื่อใช้หลอดดูด ผู้ดูดจะรู้สึกว่าดื่มง่ายขึ้น แถมกลบรสขมของแอลกอฮอล์ทำให้รู้สึกเพลิดเพลิน เป็นสาเหตุให้ดื่มปริมาณแอลกอฮอล์มากขึ้นโดยไม่รู้ตัว…แต่ก็ไม่ค่อยเห็นใตรเอาหลอดดูดไวน์ หรือเบียร์นะ
การ “ถอน” ช่วยลดอาการเมาค้าง
อันนี้ –ไม่จริง– เพราะเราลองมาแล้วการ “ถอน” จะช่วยให้ดีขึ้นชั่วคราวเท่านั้น เพราะร่างกายจะหยุดกลไกขับแอลกอฮอล์ออกจากร่างกายเพื่อเตรียมรับแอลกอฮอล์ใหม่เข้าไป การ”ถอน” แค่ช่วย “ชะลอ” อาการเมาค้างเท่านั้น เพราะยังไงแล้วแอลกอฮอล์ที่เราดื่มเข้าไปจะต้องผ่านกระบวนการเพื่อขับออกจากร่างกายตามธรรมชาติอยู่ดี
ดื่มไวน์ เบียร์ ดีกับสุขภาพกว่าการดื่มเหล้า
–ไม่จริง– ผลกระทบของการดื่มไม่ได้ขึ้นอยู่กับประเภทของเครื่องดื่ม แต่ขึ้นอยู่กับปริมาณแอลกอฮอล์ และปัจจัยอื่นๆ เช่น ปริมาณ และความเร็วในการดื่ม สภาพร่างกายของแต่ละคนที่ตอบสนองต่อแอลกอฮอล์ไม่เท่ากัน อายุ เพศ ซึ่งคนหนุ่มสาว และผู้หญิงมีโอกาสเมาเร็วกว่า…แต่ก็ไม่แน่เสมอไป
เมื่อเตรียมตัวล่วงหน้า และรู้ข้อเท็จจริงเป็นอย่างดีแล้ว ก็ปิดท้ายด้วยความสนุกอย่างมีสติและรับผิดชอบ เมื่อจะต้องรินแอลกอฮอล์ลงในแก้ว ควรคำนึงถึงปริมาณ “ดื่มมาตรฐาน” (Standard Drink)
โดย 1 ดื่มมาตรฐาน เท่ากับ แอลกอฮอล์บริสุทธิ์ประมาณ 10 กรัม ใช้เวลา 1 ชั่วโมงในการขับออก ซึ่งดื่มมาตรฐานของแอลกอฮอล์แต่ละประเภทต่างกัน ขึ้นอยู่กับดีกรีของแอลกอฮอล์ประเภทนั้นๆ เช่น 1 ดื่มมาตรฐาน เทียบเท่ากับการดื่มวิสกี้หรือวอดก้า 3 ฝา (รวม 30 มิลลิลิตร), ไวน์ 1 แก้ว (100 มิลลิลิตร) หรือเบียร์ 1 กระป๋องหรือขวดเล็ก (330 มิลลิลิตร) เป็นต้น ดังนั้น แม้เครื่องดื่มจะถูกเสิร์ฟมาในแก้วหลากหลายรูปแบบ มีลักษณะภายนอก กลิ่น หรือรสชาติที่แตกต่างกัน แต่สิ่งที่พึงระวังคือเครื่องดื่มเหล่านี้ล้วน “ดื่มมาตรฐาน” ไม่เท่ากัน เนื่องมาจากปริมาณแอลกอฮอล์ นั่นเอง
ดิอาจิโอสนับสนุนการเลือกไลฟ์สไตล์ที่สมดุล หากเลือกที่จะดื่มหรือแม้ไม่ดื่มก็ตาม ควรรู้ถึงผลกระทบของแอลกอฮอล์เพื่อการตัดสินใจอย่างมีข้อมูล ดื่มอย่างมีสติ และแนะนำคนใกล้ชิดให้ดื่มได้อย่างเหมาะสม ผู้บริโภคสามารถติดตามความรู้ และเคล็ดไม่ลับเกี่ยวกับการดื่มอย่างรับผิดชอบ เพิ่มเติมได้ที่ www.drinkiq.com
สุดท้ายนี้ขอให้นักดื่มทุกท่านสนุกกับทุกปาร์ตี้ที่ไป ดื่มอย่างพอดี และมีสติกลับบ้านอย่างปลอดภัย รอดพ้นจากด่านทั้งปวงด้วยเถิด
ขอขอบคุณเพลง GancoreTV.com เพลง “ขอดูดได้เป่า” จากวง Buddha Bless