
“Mercedes-AMG G 63” ยนตรกรรมที่ผสานระหว่างขุมพลัง สมรรถนะ พร้อมรูปลักษณ์อันโดดเด่นที่สร้างมาตรฐานออฟโรดหรู ขุมพลัง V8 Bi-Turbo ขนาด 4.0 ลิตร ที่ออกแบบโดย AMG และเกียร์แบบใหม่ AMG SPEEDSHIFT TCT 9-SPEED SPORTS TRANSMISSION พร้อมระบบเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย ช่วยให้การเปลี่ยนเกียร์ลื่นไหลและแม่นยำ มอบพละกำลังสูงสุด 585 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 850 นิวตันเมตร สามารถเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ใน 4.5 วินาที พร้อมยกระดับสมรรถนะด้วยระบบ Mild Hybrid ที่ผสานการทำงานเข้ากับพื้นฐานเครื่องยนต์ V8 ภายใต้แนวคิด “One Man, One Engine” เสริมพลังการออกตัวที่เฉียบคม และตอบสนองได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
Mercedes-AMG G 63 ดีไซน์รอบคันแบบ AMG bodystyling ตกแต่งด้วยกระจังหน้าแบบ AMG Specific Grille และกันชนหน้าแบบ AMG-specific front bumper เพิ่มความสปอร์ตดุดันพร้อมช่วยในด้านแอโรไดนามิกและการระบายอากาศ ผสานกับไฟหน้า MULTIBEAM LED เพื่อเพิ่มทัศนวิสัยและความปลอดภัยขณะขับขี่ และการแก้ไขการออกแบบจุดเสา A-pillar ใหม่ทั้งหมด พร้อมการใส่ Spoiler ไว้ด้านบน ช่วยลดเสียงภายในห้องโดยสารลงได้มากถึง 20% นอกจากนี้ ยังมีการติดตั้งหลังคาซันรูฟเลื่อนเปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้า เพิ่มความโปร่งโล่งให้กับห้องโดยสาร พร้อมให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารสัมผัสบรรยากาศภายนอกได้อย่างง่ายดาย อัลลอยขนาด 21 นิ้ว ดีไซน์สปอร์ต AMG แบบ 5 ก้านคู่ ทั้งยังเป็นครั้งแรกของ G-Class ที่มาพร้อมปุ่มเปิด-ปิด ประตูทั้งหมดเป็นแบบ KEYLESS-GO เพียงสัมผัสที่มือจับประตูก็สามารถล็อกหรือปลดล็อกได้โดยไม่ต้องใช้กุญแจ ช่วยเพิ่มความสะดวกให้กับผู้ขับขี่ในทุกการเดินทาง
ระบบเบรกสมรรถนะสูง AMG High-Performance Braking System พร้อมคาลิปเปอร์เบรกสีแดงโลโก้ AMG ผสานการทำงานกับระบบท่อไอเสียคู่ AMG Performance Exhaust System ที่มอบประสบการณ์อันเร้าใจถึงขีดสุด พร้อมระบบปรับระดับเสียง ช่วยให้ควบคุมความกระหึ่มของเสียงท่อไอเสียได้ตามความต้องการ และกล้อง 360° with Transparent Bonnet เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้ผู้ขับขี่เห็นภาพด้านหน้ารถและใต้ท้องรถ ผ่านหน้าจอแสดงผล ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยโดยเฉพาะในเส้นทางออฟโรดหรือพื้นที่แคบ
AMG ACTIVE RIDE CONTROL Chassis ระบบช่วงล่างแบบ Active Hydraulic ที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มความเสถียรในการขับขี่ และลดอาการโคลงของตัวรถ โดยสามารถปรับการขับขี่ได้ 2 รูปแบบ คือ Off-Road และ Sport โดยเพิ่มฟีเจอร์ความเป็นรถมอเตอร์สปอร์ตมากขึ้น แต่ยังคงไว้ซึ่ง Differential Lock ซึ่งเป็นฟีเจอร์เอกลักษณ์ของ G-Class โดยระบบสามารถล็อกเฟืองท้ายได้ถึง 3 จุด แต่ละจุดสามารถล็อกได้เต็ม 100% (Three Times 100% Lockable) ช่วยให้รถสามารถขับผ่านพื้นผิวที่มีแรงยึดเกาะต่ำ เช่น โคลน ทราย หิมะ หรือพื้นผิวขรุขระได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ห้องโดยสารมาพร้อมเทคโนโลยีอันล้ำสมัยเริ่มจากหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ All-Digital Instrument Display ขนาด 12.3 นิ้ว ที่เชื่อมต่อกับระบบปฏิบัติการมัลติมีเดีย COMAND Online ขนาด 12.3 นิ้ว ช่วยให้ผู้ขับขี่เข้าถึงข้อมูลและควบคุมฟังก์ชันต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย พวงมาลัย AMG Performance Steering Wheel หุ้มหนัง Nappa ตัดสลับ DINAMICA microfibre ระบบ AMG DYNAMIC SELECT ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเลือกโหมดขับขี่ได้อย่างเหมาะสม ซึ่งสามารถปรับค่าการทำงานของเครื่องยนต์ ช่วงล่าง และพวงมาลัยให้ตอบสนองกับสภาพถนนและสไตล์การขับขี่ได้อย่างลงตัว พร้อมเติมเต็มอารมณ์การขับขี่ด้วยระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester® Surround Sound System ที่ให้คุณภาพเสียงคมชัดรอบทิศ นอกจากนี้ภายในห้องโดยสารยังมาพร้อมระบบฟอกอากาศ Air Balance Cabin-Air Purification System ที่ช่วยรักษาคุณภาพอากาศให้สะอาด สดชื่น และผ่อนคลายตลอดการเดินทาง
Mercedes-AMG G 63 อัดแน่นด้วยระบบความปลอดภัยขั้นสูงมากมาย อาทิ Assistance Package ทั้งระบบรักษาระยะห่างจากรถด้านหน้าและควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Active Distance Assist DISTRONIC) ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา (Blind Spot Assist with exit warning function) ระบบช่วยรักษารถให้อยู่ในช่องทางจราจร (Active Lane Keeping Assist) และระบบช่วยควบคุมพวงมาลัย (Active Steering Assist) และระบบความปลอดภัยอื่น ๆ อย่างครบครัน
Mercedes-AMG G 63 วางจำหน่ายในราคาเริ่มต้น 18,800,000 บาท มีสีตัวถังให้เลือกกว่า 8 สี ได้แก่ สีขาว (Polar White) สีดำ (Obsidian Black) สีเงิน (Iridium Silver) สีเงิน (Mojave Silver) สีน้ำเงิน (Sodalite Blue) สีน้ำเงิน (Brilliant Blue) สีเขียว (Emerald Green) และสีเทา (Selenite Grey)
นอกจากนี้ Mercedes-AMG G 63 ยังมาพร้อม OPITONAL EXTRA ที่เปิดให้ลูกค้าสามารถเลือกออปชันและอุปกรณ์ตกแต่งเพิ่มเติมได้อีกมากมาย ตั้งแต่สีตัวถังแบบ MANUFAKTUR ล้ออัลลอย AMG ชุดแต่ง AMG Night Package และ Black accents อุปกรณ์ตกแต่ง “G manufaktur” รวมถึงการตกแต่งภายในที่มีให้เลือกทั้งแบบ EXCLUSIVE และ SUPERIOR Line