ทุกๆ ต้นปีทุกคนจะต้องประสบกับปัญหาฝุ่นควัน PM2.5 ซึ่งไม่ใช่แค่คนในกรุงเทพฯ แต่ผลกระทบเป็นระดับประเทศหรือจริงๆ จะเรียกว่าปัญหาระดับโลกเลยก็ได้ เอาแค่ในประเทศเราก่อนหลักๆ ฝุ่นควันนอกจากจะเกิดจากการก่อสร้าง การใช้รถยนต์ที่เครื่องยนต์เผาไหม้ไม่ดี แต่คงปฎิเสธไม่ได้ว่าการเผาป่าก็เป็นปัญหาใหญ่ไม่แพ้กัน
ครั้งนี้ก็เป็นอีกครั้งที่ทาง นิสสัน ประเทศไทย ได้ชวนให้เราขึ้นเหนือไปเยี่ยมเยือนทีม ‘เหยี่ยวไฟ’ ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่–ลำพูน ทีมงานด่านหน้าที่จะเข้าไปลุยกับไฟป่าโดยตรง การไปครั้งนี้นอกจากจะนำเอาสิ่งของจำเป็นในการทำงานไปมอบให้ทีมเหยี่ยวไฟในการทำงานแล้วนิสสันยังเอา นิสสัน นาวารา PRO-4X “กระบะพันธุ์แกร่งที่กล้า…เผชิญทุกความท้าทาย” ไปช่วยในภาระกิจช่วงหน้าแล้งเป็นเวลา 3 เดือนถึง 2 คัน กิจกรรมนี้จัดขึ้นเพื่อเน้นย้ำความสำคัญของ “วันรณรงค์ให้ปลอดควันพิษจากไฟป่า” 24 กุมภาพันธ์ของทุกปี
ในปีนี้ (2566) นิสสันได้สนับสนุนภารกิจทีม ‘เหยี่ยวไฟ’ หนึ่งในหน่วยงานภายใต้กรมป่าไม้และรับผิดชอบป่าไม้ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และลำพูน ด้วยรถกระบะนิสสัน นาวารา รุ่น PRO-4X จำนวน 2 คันที่ปรับแต่งช่วงล่างและติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ ให้เหมาะสมกับการปฏิบัติภารกิจการป้องกันและดับไฟป่า รวมทั้งให้บริการบำรุงรักษาตลอดระยะเวลาการทำภารกิจในช่วงหน้าแล้ง พร้อมมอบอุปกรณ์ที่จำเป็นที่ช่วยให้อาสาสมัครในพื้นที่สามารถทำภารกิจได้สะดวก ลดความเสี่ยงอันตรายและมีความปลอดภัยในขณะปฏิบัติงานมากขึ้น
ปีที่ผ่านมา(2565) นิสสัน นาวารา PRO-4X ได้ร่วมปฏิบัติการกับทีมเหยี่ยวไฟถึง 48 ครั้งระหว่างเดือนมีนาคม–พฤษภาคม 2565 และช่วยให้ทีมเหยี่ยวไฟเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ทั้งการลดระยะเวลาในการปฏิบัติงาน ประมาณ 30-50% จากเดิมการปฏิบัติภารกิจดับไฟป่าต่อครั้งจะใช้เวลาเฉลี่ย 5 ชั่วโมง – 2 วัน เหลือเพียงประมาณ 3 ชั่วโมงสำหรับพื้นที่ขนาดเล็ก และ 1 วันสำหรับพื้นที่ขนาดใหญ่ประมาณ 20 ไร่ขึ้นไปจันทร์เพ็ญ เกษตรสินธ์ ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมการควบคุมไฟป่าเชียงใหม่ และหัวหน้าชุดปฏิบัติการพิเศษเหยี่ยวไฟเชียงใหม่ เล่าว่า “สถานการณ์ไฟป่าในปี 2566 นี้มีแนวโน้มว่าจะรุนแรงมากขึ้น โดยในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ มีการเกิดไฟป่ามากกว่าปี 2565 เป็นอย่างมาก เนื่องจากหลายปัจจัย เช่น ภาวะภัยแล้งที่มาเร็วและในวงกว้าง ช่วง 3 เดือนระหว่างกุมภาพันธ์–เมษายนจะเป็นช่วงที่แล้งที่สุด และไฟป่ามีความรุนแรงมากที่สุด แต่เจ้าหน้าที่ของเรามีจำกัด และต้องปฏิบัติงานในป่าที่ทุรกันดาร ร้อน อันตรายมาก การสนับสนุนจากนิสสันอย่างต่อเนื่องนอกจากจะช่วยให้ผู้ปฏิบัติงานทำงานได้สะดวกยิ่งขึ้นแล้ว ที่สำคัญไปกว่านั้น คือ พวกเรามีกำลังใจจะที่สู้ให้เต็มที่เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม เพราะรู้ว่ามีคนเห็นค่าของงานที่เราทำ”
รถกระบะนิสสัน นาวารา PRO-4X เหมาะสำหรับการปฏิบัติภารกิจนี้ เพราะความทรงพลัง สมรรถนะ และความแกร่งที่ส่งต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่นของรถกระบะพันธุ์แกร่งจากนิสสัน สามารถบุกตะลุยไปตามเส้นทางทุรกันดารที่ปกติจะเข้าถึงได้ยากลำบาก นอกจากนี้อุปกรณ์ต่าง ๆ จากนิสสันจะสนับสนุนให้อาสาสมัครของหมู่บ้านในพื้นที่การดูแลของทีมเหยี่ยวไฟเข้าถึงจุดที่เกิดไฟไหม้ ดับไฟได้อย่างรวดเร็ว ตลอดจนช่วยอำนวยความสะดวก และเพิ่มความปลอดภัยให้แก่ผู้ปฏิบัติงานมากยิ่งขึ้น
นิสสันนาวารา PRO-4X มาพร้อมเครื่องยนต์สมรรถนะสูง YS23DDTT แบบ 4 สูบ DOHC เทอร์โบคู่ ความจุ 2.3 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 190 hp (Ps) และแรงบิดสูงสุดถึง 450 นิวตันเมตร (Nm) มาพร้อมเกียร์ออโตเมติก 7 สปีด ที่ผู้ขับขี่สามารถเลือกโหมดการขับขี่แบบธรรมดา (M mode) ได้เพื่อการขับขี่ที่ควบคุมได้ดังใจ และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อเทคโนโลยีช่วยการขับขี่และความปลอดภัยขั้นสูงรอบคัน
นิสสันนาวารา PRO-4X พร้อมเต็มที่กับการบรรทุกหนักด้วยโครงสร้างโมโนเฟรมแชสซีทำจากเหล็กกล้าชิ้นเดียวตลอดคัน (Fully Boxed Frame) ที่มีชื่อเสียงของนิสสัน มีพื้นที่บรรทุกของได้มาก บันไดในตัวที่กันชนหลังช่วยให้เข้าออกกระบะท้ายได้ง่ายและฝาท้ายแบบผ่อนแรงที่ช่วยในภารกิจต่างๆได้ง่ายขึ้น รวมถึงจุดยึดของรอบๆ ทั้งแบบที่ด้านล่างและที่รางแบบเลื่อนปรับได้ช่วยให้การบรรทุกสัมภาระเป็นไปอย่างปลอดภัยและสะดวกสบาย
การเกิดไฟป่ามีความรุนแรงมากขึ้นทุกปี โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือของไทยซึ่งเป็นแหล่งที่มีป่าไม้อยู่มาก ปัญหาจากไฟป่าจะทวีความรุนแรงมากขึ้นในฤดูแล้ง คือ ในช่วงระหว่างเดือนกุมภาพันธ์–พฤษภาคมของทุกปี
อิซาโอะ เซคิกุจิ ประธาน นิสสัน ประเทศไทย เล่าว่า “นิสสันดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมานานกว่า 70 ปี และถือว่าเราเป็นสมาชิกของสังคมไทยที่มีหน้าที่ปกป้องดูแลทรัพยากรเช่นเดียวกับชาวไทยทุกคน นิสสันได้ให้ความสำคัญกับการดูแลสิ่งแวดล้อมด้วยความรับผิดชอบ เรามุ่งเน้นการมีส่วนร่วมและสร้างคุณค่าให้แก่สังคมและชุมชนเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจและสังคมให้ก้าวสู่อนาคตได้อย่างยั่งยืน นิสสันตระหนักดีว่าไฟป่าเป็นปัญหาระดับชาติที่ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ แต่ยังทำให้เกิดฝุ่น PM2.5 ที่เป็นภัยต่อสังคมในวงกว้าง การป้องกันและดับไฟที่จุดเกิดเหตุจึงเป็นภารกิจที่สำคัญและต้องอาศัยความกล้าที่จะเผชิญทุกความท้าทายในการระงับปัญหานี้ เราจึงได้ให้การสนับสนุนคนที่เป็นด่านหน้าในการเผชิญและพิชิตไฟป่าเพื่อช่วยให้เขาปฏิบัติภารกิจได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ”