“อาดิดาสเผยผลสำรวจหัวข้อ ‘เหตุผลที่คนเราต้องออกไปวิ่ง (Why We Run)’ พร้อมเปิดแคมเปญ FasterThan ชวนนักวิ่งมานิยามความเร็วในแบบของคุณ”
Feb 22, 2020

อาดิดาส รันนิ่ง เปิดตัวแคมเปญ ฟาสเตอร์ แดน” (Faster Than) เชิญชวนนักวิ่งทุกคนมาร่วมกำหนดนิยามแห่ง ความเร็ว” ผ่านเรื่องราวที่จะมาสร้างแรงบันดาลใจในการพัฒนาตนเองของนักวิ่งจากทั่วทุกมุมโลก ซึ่งต่างก็มีความเชื่อที่ตรงกันว่า ความเร็วนั้นเป็นความรู้สึกส่วนตัวของแต่ละคน”

เมื่อความเร็วไม่ใช่แค่เรื่องของการทำสถิติที่ดีที่สุดอีกต่อไป เพราะการวิ่งสำหรับอีกหลาย คนนั้นหมายถึงการพัฒนาตนเองให้ดียิ่งขึ้นด้วยเช่นกัน

ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา อาดิดาส ตระหนักเป็นอย่างดีว่า การวิ่งนั้นมีพลังในการสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นได้ และในตอนนี้ อาดิดาส ก็จะมาแบ่งปันเรื่องราวที่น่าสนใจ ซึ่งได้มาจากการพูดคุยและทำการศึกษาจากนักวิ่งจำนวนทั้งหมด 6,000 คน ที่วิ่งอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง และกระจายตัวอยู่ตาม 6 หัวเมืองหลักทั่วโลก ได้แก่ ลอสแอนเจลิส, นิวยอร์ก, ลอนดอน, เซี่ยงไฮ้, โตเกียว และ ปารีส ซึ่งจากการศึกษา “เหตุผลที่คนเราต้องออกไปวิ่ง” (Why We Run) ก็ทำให้ อาดิดาส ค้นพบว่า การวิ่งนั้นไม่จำเป็นว่าเราจะต้องวิ่งให้เร็วที่สุดเสมอไป เพราะทุกวันนี้นักวิ่งหลายๆ คนก็ให้ความสำคัญกับประโยชน์ที่ได้รับจากการออกไปวิ่ง โดยมีนักวิ่งถึง 87% ที่ออกมายอมรับว่า พวกเขาออกไปวิ่งเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงและพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น การศึกษาในครั้งนี้ยังทำให้ค้นพบสิ่งใหม่ๆ ดังต่อไปนี้

  • ขจัดสิ้นทุกเสียงรบกวน (Faster Than the Noise) : นักวิ่งส่วนใหญ่ 60% รู้สึกว่าการวิ่งนั้นช่วยให้พวกเขามีสุขภาพจิตที่ดี ขณะที่อีก 47% บอกว่าการออกไปวิ่งนั้นทำให้พวกเขารู้สึกผ่อนคลายจากความตึงเครียดที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน ยิ่งไปกว่านั้น ผลการศึกษายังพบว่ามีนักวิ่งถึง 68% ที่ไม่พกโทรศัพท์ติดตัวขณะออกไปวิ่งด้วย
  • สยบทุกข้อแก้ตัวต่างๆ นานา (Faster Than Excuses) : 18% ของนักวิ่งรู้สึกดีมากหลักจากที่ได้ออกไปวิ่ง โดยมีนักวิ่งอีก 14% ที่ยอมรับว่าการวิ่งได้ทำให้พวกเขารู้สึกภาคภูมิใจ ขณะที่อีก 32% บอกว่ารู้สึกมั่นใจมากขึ้นทันทีหลังจากที่วิ่งเสร็จ
  • พิชิตความเดียวดาย (Faster Than Alone) : ผลการศึกษาครั้งนี้ยังได้มีการระบุถึงผลลัพธ์ในเชิงสังคมด้วย โดย 34% ของนักวิ่งได้พบปะเพื่อนใหม่ๆ ในขณะที่ออกไปวิ่ง ยิ่งไปกว่านั้น มีนักวิ่งถึง 20% ที่ยอมรับว่าพวกเขาได้พบเจอและคบหาคนรู้ใจจากการวิ่งอีกด้วย นั่นจึงเป็นข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนว่า การวิ่งนั้นเป็นกิจกรรมที่ทำให้เกิดผลทางด้านสังคมได้อย่างคาดไม่ถึงเลยทีเดียว
  • อยู่เหนือความคาดหมาย (Faster Than Expected) : เท่านั้นยังไม่พอ การศึกษาในครั้งนี้ยังได้เผยถึงผลที่ได้จากการวิ่งในเชิงบวกอีกด้วย โดยนักวิ่งเหล่านี้ต่างก็ยอมรับว่า การวิ่งนั้นนำมาซึ่งความสำเร็จต่างๆ หลากหลายรูปแบบ เช่น มีนักวิ่ง 34% สามารถบรรลุผลสำเร็จในสิ่งที่พวกเขาเคยล้มเลิกไปก่อนหน้านี้ ขณะที่อีก 30% สามารถค้นพบไอเดียและความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ ส่วนอีก 17% ก็ยอมรับว่า พวกเขามีความกล้าที่จะชวนคู่เดตออกไปพบปะกันมากขึ้น

Track & Field: Boston Marathon: USA Kathrine Switzer (261) in action during race. Women were not officially included in the race until 1972.
Ashland, MA 4/19/1967
CREDIT: Walter Iooss Jr. (Photo by Walter Iooss Jr. /Sports Illustrated via Getty Images/Getty Images)
(Set Number: X12351 TK1 )

กำเนิดแคมเปญ “ฟาสเตอร์ แดน”

เพื่อให้สอดคล้องกับผลการศึกษา “เหตุผลที่คนเราต้องออกไปวิ่ง” อาดิดาส จึงได้ชวนนักวิ่งจำนวนหลายคนมาเข้าร่วมแคมเปญ “ฟาสเตอร์ แดน” พร้อมแชร์เรื่องราวการพัฒนาตนเองเพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้แก่คนอื่นๆ ต่อไป โดยในแคมเปญนี้ได้มีนำเรื่องราวสร้างแรงบันดาลใจหลายๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเป็น มาร์ตินัส อีแวนส์ นักวิ่งระยะไกลที่นำเอาสิ่งที่แพทย์แนะนำให้หลีกเลี่ยงและเสียงเย้ยหยันมาเป็นแรงผลักดันให้ออกไปวิ่ง โนอาห์ ไลลส์ เจ้าของตำแหน่งแชมเปี้ยนนักวิ่งชายระยะ 200 เมตร ที่ออกมายืนยันว่าคำว่า “เร็ว” นั้นเป็นความรู้สึกส่วนตัวของแต่ละคน ไชเน อเล็กซานเดอร์ นางแบบพลัสไซส์ที่สามารถเอาชนะความอยุติธรรมและเคราะห์กรรมต่างๆ เอลลี่ เลซีย์ อดีตผู้ป่วยที่ได้รับการปลูกถ่ายตับ ก่อนที่จะกลายมาเป็นนักวิ่งระดับแชมป์โลก ตลอดจนถึง แคทลีน สวิตเซอร์ ตำนานนักวิ่งหญิงคนแรกที่สามารถพิชิตมาราธอนได้สำเร็จในการแข่งขันบอสตัน มาราธอน เมื่อปี 1967 ซึ่งในระหว่างการแข่งขันเธอได้ต่อสู้อุปสรรคต่างๆ จนเกือบทำให้เธอถูกเชิญออกจากการแข่งขัน จนในที่สุดเธอก็สามารถเข้าเส้นชัยได้สำเร็จตามเป้าหมาย

 

นอกจากนี้ อาดิดาส ยังได้สร้างสรรค์รองเท้าวิ่งขึ้นมาใหม่เพื่อให้นักวิ่งทุกคนได้สัมผัสถึง “ความเร็ว” ของตัวเองได้อย่างชัดเจน โดยเริ่มจากรองเท้าวิ่งเอสแอล 20 (SL20) ซึ่งมีน้ำหนักเบา และมีการใช้เทคโนโลยีไลท์สไตรค์ (Lightstrike) ในพื้นรองเท้า เพื่อให้ผู้สวมใส่สามารถวิ่งด้วยความเร็วสูงสุดได้อย่างต่อเนื่อง ตามมาด้วยรองเท้าวิ่งอัลตร้าบูสท์ 20 (Ultraboost 20) และ อัลตร้าบูสท์ พีบี (UltraBoost PB) ที่มาพร้อมคุณสมบัติการคืนพลังงานสูงสุดในทุกย่างก้าว และปิดท้ายด้วยรองเท้าวิ่งโฟร์ดี 1.0 (4D 1.0) ที่มีดีไซน์โดดเด่นและพื้นรองเท้าที่ผลิตขึ้นด้วยเทคโนโลยี 3D ปรินท์ จึงทำให้ อาดิดาส สามารถตอบสนองความต้องการของนักวิ่งทุกประเภทได้อย่างสมบูรณ์แบบ

   

รองเท้าวิ่งเอสแอล 20 จะวางจำหน่ายในราคา 4,000 บาท ในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2563 ที่ อาดิดาส ออนไลน์ สโตร์ https://www.adidas.co.th และวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2563 ที่ อาดิดาส แบรนด์ เซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์, อาดิดาส แบรนด์ เซ็นเตอร์ สยามพารากอน, อาดิดาส สปอร์ต เพอร์ฟอร์แมนซ์ และร้านค้าอุปกรณ์กีฬาชั้นนำทั่วไป

ส่วนรองเท้า Ultraboost PB และ Ultraboost 20 วางจำหน่ายแล้ววันนี้ในราคา 6,500 บาท ที่ อาดิดาส แบรนด์ เซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์, อาดิดาส แบรนด์ เซ็นเตอร์ สยามพารากอน, อาดิดาส สปอร์ต เพอร์ฟอร์แมนซ์, อาดิดาส ออนไลน์ สโตร์ https://www.adidas.co.th และร้านค้าอุปกรณ์กีฬาชั้นนำทั่วไป

SS20 Faster Than

Subscribe me