ปอร์เช่ ประเทศไทย โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด (AAS) ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่าย รถยนต์ปอร์เช่อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ร่วมเติมเต็มไลฟ์สไตล์สุดหรูด้วยการเปิดตัว ‘ปอร์เช่ คาเยนน์ อี-ไฮบริด’ รุ่นใหม่ล่าสุด (The new Porsche Cayenne E-Hybrid) อย่างเป็นทางการ ครั้งแรกในประเทศไทยพร้อมจัดแสดงรถยนต์ ‘ปอร์เช่ พานาเมร่า 4 อี-ไฮบริด สปอร์ต ทัวริสโม่’ (Panamera 4 E-Hybrid Sport Turismo) ในงาน Gaysorn Menllennial ระหว่างวันที่ 10 -16 กันยายน 2561 ณ ชั้น G ศูนย์การค้าเกษรวิลเลจ
ภายในงาน Gaysorn Menllennial เต็มไปด้วยกิจกรรมต่างๆ ที่รังสรรค์ขึ้นเพื่อเหล่าชายหนุ่มที่มีไลฟ์สไตล์สุดฮิป โดยปอร์เช่ ประเทศไทยได้ขนยนตรกรรมอี-ไฮบริดที่ตอบโจทย์วิถีชีวิตคนเมืองไปร่วมจัดแสดง ซึ่งไฮไลท์ของงานคือการเปิดตัวรถยนต์ปอร์เช่ คาเยนน์ อี-ไฮบริด รุ่นใหม่ล่าสุด อย่างเป็นทางการครั้งแรกในประเทศไทย
ผู้ร่วมงานสามารถสัมผัสและจับจองเป็นเจ้าของ The new Porsche Cayenne E-Hybrid ที่ติดตั้งขุมพลัง E-performance พร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกใหม่ล่าสุด ผสมผสานการบังคับควบคุมสไตล์สปอร์ต ให้เป็นหนึ่งเดียวกับประสิทธิภาพการทำงานสูงสุด เครื่องยนต์ V6 ขนาดความจุกระบอกสูบ 3.0 ลิตร (340 แรงม้า/250 กิโลวัตต์)
เสริมพลังด้วยระบบขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้า (136 แรงม้า/100 กิโลวัตต์) ให้พละกำลังสูงสุดรวมกว่า 462 แรงม้า แรงบิดสูงสุดถึง 700 นิวตันเมตร ด้วยแนวคิดในการพัฒนาแบบเดียวกับปอร์เช่ 918 สไปเดอร์ (Porsche 918 Spyder)
อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย 29.4 – 31.2 กิโลเมตรต่อลิตร อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 78 – 72 กรัมต่อกิโลเมตร อัตราการใช้พลังงานไฟฟ้าที่ 20.9 – 20.6 กิโลวัตต์ชั่วโมงต่อระยะทาง 100 กิโลเมตร สนนราคาที่ 7.5 ล้านบาท
ในงานนี้ เอเอเอสฯ นำรถยนต์ปอร์เช่ พานาเมร่า 4 อี-ไฮบริด สปอร์ต ทัวริสโม่ (Panamera 4 E-Hybrid Sport Turismo) ที่สุดแห่งการออกแบบสุดหรูหราและล้ำสมัยด้วยรูปแบบที่นั่ง 4+1 พรั่งพร้อมด้วยความอเนกประสงค์
โดดเด่นด้วย ฝากระโปรงท้ายขนาดใหญ่ปริมาตรความจุ 520 ลิตร และพนักพิงหลังบริเวณห้องโดยสารตอนท้าย สามารถพับเก็บและ เพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระได้ถึง 1,390 ลิตร พานาเมร่า 4 อี-ไฮบริด สปอร์ต ทัวริสโม่ คันนี้ให้พลังงานการขับเคลื่อนสูงสุดถึง 462 แรงม้า
อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย 40 กิโลเมตรต่อ ลิตรและอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 56 กรัมต่อกิโลเมตร สนนราคาเริ่มต้น 9.5 ล้านบาทมาร่วม
อวดโฉมด้วย