บริษัท เนต้า ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด รายงานความคืบหน้าแผนการดำเนินงานหลังเปิดแบรนด์ NETA อย่างเป็นทางการในประเทศไทย พร้อมเดินหน้าแผนงานปี 2566 ตั้งเป้าส่งมอบ 10,000 คันโดย เป่า จ้วงเฟย (Mr. Bao Zhuangfei) ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เนต้า ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด เปิดเผยว่า “ปี 2565 เป็นปีแห่งความท้าทายสำหรับ NETA และเป็นปีแรกที่ขยายธุรกิจออกนอกประเทศจีนซึ่งมีประเทศไทยเป็นเป้าหมายหลักของแผนงานเชิงกลยุทธ์ โดยผลการดำเนินงานของ NETA ในประเทศจีนในปีที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตของยอดขายรถยนต์พลังงานไฟฟ้ามากถึง 118% ด้วยยอดส่งมอบรถให้กับลูกค้ารวม 152,073 คัน นับเป็นบริษัทสตาร์ทอัพ EV รายแรกของจีนที่มียอดขายมากกว่า 150,000 คันต่อปี”
“ในส่วนของการดำเนินงานของ NETA ในประเทศไทย ถือว่าแบรนด์ NETA เป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็ว ต้องขอขอบคุณทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและเอกชนที่มีส่วนสำคัญในการสนับสนุนการดำเนินงานของ NETA ในประเทศไทยรวมทั้งลูกค้าคนไทยที่มั่นใจในผลิตภัณฑ์ สำหรับในปี 2566 บริษัทฯ มั่นใจว่าตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในประเทศจะเติบโตขึ้นกว่า 100% จากมาตรการสนับสนุนของภาครัฐ รวมไปถึงทางเลือกที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น การมีสถานีชาร์จที่เข้าถึงง่ายและครอบคลุมหลายมากขึ้น ที่สำคัญต้นทุนการใช้งาน หรือ Cost of Ownership ที่น่าดึงดูดใจกว่ารถยนต์ทั่วไปในท้องตลาด โดยคาดการณ์ตลาดรวมไว้ประมาณ 25,000 – 30,000 คัน ซึ่ง NETAตั้งเป้าส่งมอบรถยนต์พลังงานไฟฟ้าให้ลูกค้าคนไทย 10,000 คัน ดยจะเดินหน้าแผนงานในด้านต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ทั้งการแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดและเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ พร้อมเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายที่ครอบคลุมมากยิ่งขึ้นเพื่อส่งมอบประสบการณ์การขับขี่รถยนต์พลังงานไฟฟ้าในรูปแบบใหม่ และให้คนไทยสามารถเข้าถึงนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ ของยานยนต์ไฟฟ้า นอกจากนี้จะให้การสนับสนุนและร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนอย่างต่อเนื่องเพื่อเร่งให้เกิดระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าที่สมบูรณ์ในประเทศ รวมทั้งผลักดันในประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของการผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในภูมิภาคอาเซียน” มร. เป่า จ้วงเฟย กล่าว
ในปี 2565 NETA มีความตั้งใจที่จะบรรลุข้อตกลงเพื่อลงนามเข้าร่วมมาตรการสนับสนุนรถยนต์พลังงานไฟฟ้าของภาครัฐ เพื่อให้ผู้บริโภคชาวไทยได้รับประโยชน์สูงสุดจากมาตรการดังกล่าว โดยได้ร่วมมือกับ บริษัท บางชันเยนเนอเรลเอเซมบลี จำกัด หรือ BGAC ซึ่งมีประสบการณ์ในการประกอบรถยนต์ให้กับแบรนด์ต่างๆ มานานกว่า 50 ปี เข้าร่วมลงนามในข้อตกลงเข้าร่วมมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้ากับกรมสรรพสามิต และพร้อมเดินหน้าโครงการประกอบรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่โรงงานประกอบรถยนต์บางชัน ในนิคมอุตสาหกรรมบางชัน เขตคันนายาว กรุงเทพฯ เพื่อรองรับกับความต้องการของตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในประเทศ โดยจะเริ่มสายพานการผลิตได้ภายใน ปี 2567
สำหรับปี 2565 ที่ผ่านมา NETA ได้เปิดตัวแบรนด์อย่างเป็นทางการพร้อมแนะนำ NETA V รถยนต์ City Car พลังงานไฟฟ้า 100% เป็นรุ่นแรกสู่ตลาดเมืองไทย โดยมีราคาจัดจำหน่ายอยู่ที่ 549,000 บาท* ซึ่ง บริษัทฯ ต้องขอขอบคุณคนไทยที่ให้การต้อนรับแบรนด์ NETA เป็นอย่างดี รวมไปถึงการให้การยอมรับ NETA V ในฐานะ Touchable Smart EV ทำให้มียอดจองเข้ามาอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ต้องขออภัยเป็นอย่างสูงสำหรับความล่าช้าในการส่งมอบ NETA V ให้กับลูกค้าของ NETA ทุกท่าน โดยปีที่ผ่านมาสามารถส่งมอบ NETA V ให้กับลูกค้าในประเทศไทย 989 ท่าน ทั้งนี้บริษัทฯ ตระหนักดีถึงความต้องการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าของลูกค้า และมิได้นิ่งนอนใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยจะดำเนินการอย่างสุดความสามารถในการเร่งส่งมอบรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ให้กับลูกค้าทุกท่านโดยเร็วที่สุด
ปัจจุบัน NETA มีผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยแล้ว 24 แห่ง ครอบคลุมในพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล และหัวเมืองใหญ่ในทุกภูมิภาคทั่วประเทศ รวมไปถึงการเปิดให้บริการ NETA SPACE (เนต้า สเปช) ภายในพื้นที่ศูนย์การค้าเพื่อรองรับกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้า โดยวางเป้าหมายขยายเพิ่มเป็น 30 แห่ง เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายและรองรับจำนวนลูกค้าที่เพิ่มสูงขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญกับการบริการหลังการขาย โดยมีการเตรียมความพร้อมในทุกๆ ด้าน ทั้งการฝึกอบรมความพร้อมเจ้าหน้าที่สำหรับดูแลลูกค้าอย่างมืออาชีพ การจัดเตรียมอะไหล่สำรองให้สามารถรองรับกับความต้องการของลูกค้าอย่างทันท่วงที รวมไปถึงการให้คำแนะนำด้านผลิต และความรู้พื้นฐานด้านการใช้งานรถยนต์พลังงานไฟฟ้า พร้อมบริการช่วยเหลือลูกค้ากรณีฉุกเฉินผ่าน NETA Call Center ที่พร้อมให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง
สำหรับภูมิภาคอาเซียนนอกจากจะมีความสำคัญอย่างยิ่งต่ออุตสาหกรรมยานยนต์โลกแล้วยังสำคัญอย่างยิ่งต่อการดำเนินงานในระดับสากลของ NETA โดยบริษัทฯได้เริ่มแผนขยายธุรกิจไปยังภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลกตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา ภายใต้แผนกลยุทธ์ดังกล่าวประเทศไทยซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของโลกและรายใหญ่ที่สุดของอาเซียนอีกทั้งยังมีนโยบายการสนับสนุนการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าอย่างเป็นรูปธรรมถูกวางตำแหน่งให้เป็นศูนย์กลางของการดำเนินธุรกิจของ NETA ในภูมิภาคนี้ และพร้อมเดินหน้าขยายสู่ประเทศต่างๆ ในภูมิภาคอาเซียนอย่างต่อเนื่อง โดยภายหลังจากการเปิดตัวแบรนด์อย่างเป็นทางการในประเทศไทย NETA ได้ขยายการดำเนินงานไปยัง ลาว พม่า ภูฏาน เนปาล รวมไปถึงอิสราเอล ก่อนจะขยายไปยังประเทศในตะวันออกกลาง ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ยอดขาย NETA ในจีน เติบโต 118%
เป่า จ้วงเฟย กล่าวเสริมถึงผลการดำเนินงานใน NETA ในระดับสากลว่า ในปี 2565 ที่ผ่านมา NETA มีอัตราการเติบโตของยอดการจำหน่ายรถยนต์พลังงานไฟฟ้าสูงถึง 118% เมื่อเทียบกับปี 2564 โดยสามารถส่งมอบรถยนต์พลังงานไฟฟ้าให้กับลูกค้ารวม 152,073 คัน ซึ่งในจำนวนดังกล่าวเป็นการส่งมอบให้กับลูกค้าในตลาดต่างประเทศ (นอกประเทศจีน) จำนวน 3,456 คัน โดย ปัจจุบัน NETA ได้ส่งมอบรถยนต์พลังงานไฟฟ้าให้กับลูกค้าแล้ว 250,000 คัน โดยยอดขายในปี 2565 ที่ผ่านมาคิดเป็น 61% ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมดของ NETA นับตั้งแต่เริ่มดำเนินธุรกิจ ซึ่งความสำเร็จในปีที่ผ่านมาเป็นผลลัพธ์จากการพัฒนาอย่างต่อเนื่องของแบรนด์ NETA ทั้งในด้านการสร้างความเชื่อมั่นในแบรนด์ ด้านผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยี ด้านกลยุทธ์การขาย ด้านช่องทางการจัดจำหน่าย รวมไปถึงแผนการขยายธุรกิจไปยังภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก ทำให้แบรนด์ NETA เป็นที่ยอมรับและได้รับความไว้วางใจจากผู้บริโภคทั่วโลก
ยอดการส่งมอบรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ในปี 2565 รวม 152,073 คัน แบ่งเป็นยอดการส่งมอบ
- NETA V จำนวน 98,847 คัน เติบโตขึ้น 99%
- NETA U จำนวน 51,021 คัน เติบโตขึ้น 155%
ในขณะที่ NETA S ได้ถูกส่งมอบถึงมือลูกค้าไปแล้วจำนวน 2,205 คัน (นับตั้งแต่เริ่มการส่งมอบช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน 2565)
ทั้งนี้ บริษัทฯ จะร่วมปฏิรูปการใช้พลังงานใหม่รวมไปถึงมีส่วนร่วมในการจัดทำห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) ของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของโลก เพื่อให้ทุกคนสามารถใช้งานรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ที่มาพร้อมเทคโนโลยีที่ทันสมัยได้อย่างแพร่หลายมากยิ่งขึ้น สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของ NETA “Popularizer of Smart EV: สรรสร้างนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าที่ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของได้”