บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เล็งเห็นถึงความสำคัญและความทุ่มเทของบุคลากรทางการแพทย์เนื่องจากสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 บริษัทฯจึงขอเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์ ด้วยการมอบส่วนลด 5,000 บาทแทนคำขอบคุณ สำหรับการเข้ารับบริการบำรุงรักษารถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ Service A หรือ Service B ตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคม – 15 มิถุนายน พ.ศ. 2563 ที่ศูนย์บริการเมอร์เซเดส-เบนซ์อย่างเป็นทางการทั่วประเทศ บุคลากรทางการแพทย์สามารถนำรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ทุกรุ่นเข้ารับบริการ Service A หรือ Service B และรับทันทีส่วนลด 5,000 บาท โดยทำการนัดหมายเข้ารับบริการล่วงหน้ากับศูนย์บริการเมอร์เซเดส-เบนซ์อย่างเป็นทางการทั่วประเทศ เท่านั้นโดยติดต่อศูนย์บริการฯ โดยตรง หรือสามารถนัดหมายออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ www.mercedes-benz.co.th/OnlineAppointmentBooking ลูกค้าที่สนใจสามารถติดต่อศูนย์บริการเมอร์เซเดส–เบนซ์อย่างเป็นทางการทั่วประเทศ โดยแคมเปญพิเศษนี้มีผลตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคม ถึงวันที่ 15 มิถุนายน 2563 นี้
บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมต้านภัยโควิด-19 โดยการชวนผู้ใช้เมอร์เซเดส-เบนซ์ โพสต์ภาพถ่ายกับรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ของคุณ พร้อมเปิดไฟหน้ารถ และเขียนข้อความให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์ และใส่ #ShineForTomorrow #MercedesForTomorrow #MercedesBenzThailand เพื่อเป็นการแสดงเชิงสัญลักษณ์ในการให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์และก้าวผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไปด้วยกัน ก่อนโพสต์ลงในโซเชียลมีเดียไม่ว่าจะเป็นทางเฟซบุ๊ค หรือ อินสตาแกรม ตั้งแต่วันนี้จนถึง 31 พฤษภาคม 2563 ทุก ๆ โพสต์ เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จะร่วมสมทบเงินบริจาค 500 บาท โดยเมื่อจบโครงการ เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) ตั้งเป้ารวบรวมเงินบริจาคและสมทบเข้าโครงการเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 2,000,000 บาท เพื่อส่งต่อความช่วยเหลือไปยัง 4 โรงพยาบาลที่เป็นศูนย์กลางการดูแลรักษาผู้ติดเชื้อ ได้แก่ โรงพยาบาลศิริราช โรงพยาบาลรามาธิบดี โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย และสถาบันบำราศนราดูร เพื่อใช้สำหรับค้นคว้าและวิจัยวัคซีนในอนาคต มร. โรลันด์ โฟล์เกอร์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เมอร์เซเดส-เบนซ์ ได้ติดตามสถานการณ์ของโรคโควิด-19 อย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง และทำให้เราตระหนักว่า บุคลากรทางการแพทย์เป็นกลุ่มบุคคลที่ต้องทำงานอย่างหนักเพื่อรับมือกับสถานการณ์โรคระบาดที่อาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา แม้ว่าสถานการณ์ปัจจุบัน จำนวนผู้ติดเชื้อจะไม่ได้เพิ่มมากขึ้นมากแล้ว เนื่องด้วยภาครัฐมีนโยบายป้องกันโควิด-19 ที่เข้มข้น ทั้งการปิดทำการสถานที่เสี่ยง และการเว้นระยะห่างทางสังคม ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากประชาชนในช่วงเดือนที่ผ่านมา ทว่าสถานการณ์ปัจจุบันยังเป็นสิ่งที่ต้องเฝ้าระวังต่อไป เมอร์เซเดส-เบนซ์จึงขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการส่งต่อความช่วยเหลือแก่บุคลากรทางการแพทย์ใน 4 โรงพยาบาลหลักที่เป็นศูนย์กลางการดูแลรักษาผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพื่อร่วมเป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้คนไทยได้ฝ่าวิกฤติโรคระบาดครั้งนี้ได้สำเร็จร่วมกัน” และด้วยตระหนักในความไม่สะดวกของลูกค้าในการนำรถยนต์เข้ารับบริการที่ศูนย์บริการเมอร์เซเดส-เบนซ์ในช่วงของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เมอร์เซเดส-เบนซ์จึงออก 2 มาตรการเพื่อช่วยเหลือลูกค้าไปพร้อมกัน ดังนี้ หากรถยนต์ของท่านสิ้นสุดระยะการประกันคุณภาพ หรือสิ้นสุดระยะแพ็คเกจเมอร์เซเดส-เบนซ์ เซอร์วิส […]
ออโตโมบิลี ลัมโบร์กินี ได้มีการปรับไลน์การผลิตรถซูเปอร์สปอร์ตคาร์ของโรงงานในเมืองซานตากาตา โบโลญเญเซ เป็นการผลิตหน้ากากอนามัยสำหรับใช้ทางการแพทย์ เพื่อนำไปบริจาคให้กับโรงพยาบาล Sant’Orsola-Malpighi ในเมืองโบโลญญ่า ต่อสู้กับการระบาดของไวรัส COVID-19 สำหรับการผลิตหน้ากากอนามัยเพื่อทางการแพทย์ถูกผลิตขึ้นโดยพนักงานแผนกตัดเย็บที่ผลิตชิ้นส่วนภายในและดูแลงานคัสตอมของรถซูเปอร์สปอร์ตคาร์ลัมโบร์กินีโดยเฉพาะ ซึ่งจะสามารถผลิตหน้ากากอนามัยได้ 1,000 ชิ้นต่อวัน และผลิตเฟซชิลด์จำนวน 200 ชิ้นต่อวัน ด้วยเครื่องพิมพ์สามมิติสำหรับการผลิตชิ้นส่วนคาร์บอนไฟเบอร์ โดยการทำประโยชน์เพื่อสังคมในครั้งนี้ได้รับความร่วมมือและการสนับสนุนจากหน่วยงานปกครองแห่งแคว้นเอมิเลีย-โรมัญญา และมหาวิทยาลัยของเมืองโบโลญญา ซึ่งได้มีการตรวจสอบคุณภาพของหน้ากากจากภาควิชาวิทยาศาสตร์การแพทย์และศัลยศาสตร์ ก่อนทำการส่งมอบให้แก่โรงพยาบาลต่อไป สเตฟาโน โดเมนิคาลี ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ ออโตโมบิลี ลัมโบร์กินี กล่าวว่า “ในสถานการณ์ฉุกเฉินนี้เราตระหนักถึงความสำคัญที่จะต้องร่วมแก้วิกฤตเพื่อประเทศชาติและสังคม ซึ่งโรงพยาบาล Sant’Orsola-Malpighi เป็นพาร์ทเนอร์กับเรามานานหลายปี ทั้งการเป็นที่ปรึกษาโครงการวิจัยต่างๆ รวมถึงการพัฒนาโปรแกรมส่งเสริมสุขภาพของพนักงานลัมโบร์กินี เราจะร่วมฝ่าฟันวิกฤตไวรัสโคโรนาด้วยการทุ่มเทแรงกายแรงใจเพื่อสนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์ผู้ซึ่งเป็นด่านหน้าของการต่อสู้กับโรคระบาดนี้อยู่ทุกวัน” ทั้งนี้ ทางลัมโบร์กินีได้มีการเปิดไฟบนอาคารสำนักงานใหญ่ในเมืองซานตากาตา โบโลญเญเซ เป็นสีธงชาติอิตาลีในทุกค่ำคืน เพื่อเป็นการแสดงสัญลักษณ์แห่งความสามัคคีและการร่วมต่อสู้กับไวรัส COVID-19 ของประชาชนทั่วประเทศ
“เพราะการป้องกัน ต้องเข้าถึงทุกจุด” บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ชั้นนำของเมืองไทย พร้อมต่อสู้เคียงข้างไปกับบุคลากรทางการแพทย์ ฝ่าวิกฤติ โควิด-19 และสนับสนุนมาตรการเชิงป้องกันการแพร่ระบาดของภาครัฐ โดย นายพงศธร เอื้อมงคลชัย รองประธานกรรมการบริหาร พร้อมผู้บริหารระดับสูง ได้ทำการส่งมอบรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าจำนวน 100 คัน ให้แก่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เพื่อกระจายสู่สาธารณสุขพื้นที่ 77 จังหวัด นำไปใช้เป็นหน่วยเคลื่อนที่เร็ว เพิ่มประสิทธิภาพและความคล่องตัวในการปฎิบัติภารกิจพิชิตเชื้อไวรัส โควิด-19 โดยรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าที่บริจาคในครั้งนี้ จะรับหน้าที่สู้ศึกโควิด-19 ในครั้งนี้ ประกอบด้วยรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า ฟีโน่, ยามาฮ่า ฟรีโก, ยามาฮ่า แอร็อกซ์155 และยามาฮ่า ฟินน์ โดยแบ่งการส่งมอบให้กับกระทรวงสาธารณสุข เพื่อกระจายจัดส่งให้สาธารณสุขในพื้นที่ 77 จังหวัดได้นำไปใช้งาน นายพงศธร เอื้อมงคลชัย กล่าวว่า “บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการให้การสนับสนุนเหล่า “นักรบเสื้อกาวน์” ซึ่งเป็นบุคลากรทางการแพทย์ที่อยู่แนวหน้าในการช่วยเหลือ ป้องกัน และพิชิตไวรัส โควิด-19 […]
กองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย ภายใต้มูลนิธิฮอนด้าแห่งประเทศไทย ร่วมกับกลุ่มบริษัทฮอนด้าในประเทศไทย ต้านภัยโควิด-19 ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือสังคมไทย ประกาศการสนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์รวมมูลค่ากว่า 40 ล้านบาท เพื่อสู้วิกฤติการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ประสานความร่วมมือโรงพยาบาลวชิรพยาบาล ตั้งทีมเฉพาะกิจเปิดสายการผลิตในโรงงานผลิตรถยนต์ฮอนด้าที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ผลิตเตียงเคลื่อนย้ายผู้ป่วยติดเชื้อแบบแรงดันลบ (Negative Pressure Mobile Bed) จำนวน 100 เตียง ที่ช่วยป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโควิด-19 และเพิ่มความปลอดภัยให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ที่ต้องดูแลผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง พร้อมผนึกกำลังจิตอาสาพนักงาน และภาคส่วนต่างๆ อาทิ กรมราชทัณฑ์ เพื่อร่วมผลิตและส่งมอบอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ขาดแคลนอื่นๆ ให้โรงพยาบาล 48 แห่งทั่วประเทศ รวมทั้งมอบบริการรถพยาบาลกองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย จำนวน 10 คัน เพื่อใช้สนับสนุนการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยโควิด-19 นายพิทักษ์ พฤทธิสาริกร กรรมการผู้จัดการกองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย กล่าวว่า “จากเจตนารมณ์ของกองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย ที่ดำรงอยู่และพร้อมให้ความช่วยเหลือ และบรรเทาความเดือดร้อนแก่ประชาชนและสังคมไทยมาโดยตลอด โดยในช่วงวิกฤติการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นสถานการณ์ที่ต้องอาศัยการจัดการและความร่วมมือจากหลายภาคส่วน ทางกองทุนฯ ร่วมกับกลุ่มบริษัทฮอนด้าในประเทศไทย มีความยินดีที่จะมอบความช่วยเหลือฉุกเฉินด้วยการสนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์ เพื่อช่วยบรรเทาสถานการณ์การขาดแคลนเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ให้กับโรงพยาบาลทั่วประเทศ” “จากการที่โรงพยาบาลวชิรพยาบาลได้พัฒนานวัตกรรมเตียงเคลื่อนย้ายผู้ป่วยติดเชื้อแบบแรงดันลบ ซึ่งปัจจุบันมีความต้องการที่เพิ่มมากขึ้น ทางกองทุนฯ ได้ประสานความร่วมมือและจัดตั้งทีมเฉพาะกิจขึ้นเพื่อผลิตเตียงฯ 100 เตียง ณ โรงงานผลิตรถยนต์ฮอนด้า […]
กองทุน ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี (Ford Motor Company Fund) หน่วยงานเพื่อสังคมของฟอร์ด เปิดตัวสองกิจกรรมเพื่อสังคมเพื่อให้พนักงานทั่วโลกและผู้ที่สนใจมีส่วนร่วมในกิจกรรมเพื่อสังคมแม้อยู่ที่บ้าน การระดมทุนร่วมกับพนักงานในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา เป็นความร่วมมือระหว่าง กองทุน ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี และการบริจาคทุนส่วนตัวของมร. บิล ฟอร์ด ประธานกรรมการบริหาร ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี เพื่อนำเงินบริจาคจำนวน 500,000 เหรียญสหรัฐ (ราว 16.5 ล้านบาท) สมทบกับเงินบริจาคที่ได้รับตามจริงจากพนักงานฟอร์ดทั่วโลกและผู้ที่สนใจ รวมมูลค่าถึง 1 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 33 ล้านบาท) มอบให้องค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่ได้รับการคัดเลือกจากกว่า 20 ประเทศทั่วโลก ร่วมรับมือสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา โดยเริ่มระดมทุนตั้งแต่วันที่ 2 เมษายน ถึง 31 พฤษภาคม 2563 ในประเทศไทย ฟอร์ดพร้อมร่วมมือกับสมาคมพัฒนาประชากรและชุมชน (Population and Community Development Association หรือ PDA) ซึ่งเป็นองค์กรพันธมิตรกับฟอร์ดมายาวนาน นำรายได้จากการระดมทุนช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการปิดกิจการในช่วงของการแพร่ระบาดของโควิด-19 ให้มีรายได้และช่วยเสริมทักษะอาชีพจากการทำหน้ากากผ้าและเจลล้างมือ เพื่อแจกจ่ายให้แก่หน่วยงานภาครัฐ เจ้าหน้าที่สาธารณสุข อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ที่ทำงาน ณ จุดคัดกรองและควบคุมโรคในชุมชนที่ขาดแคลน ในจังหวัดมหาสารคาม ขอนแก่น และบุรีรัมย์ พร้อมต่อยอดการสร้างอาชีพให้แก่ผู้ได้รับผลกระทบอย่างยั่งยืนด้วยการอบรมอาชีพเกษตรแบบเร่งด่วนเพื่อจุนเจือการบริโภคในครัวเรือนและสร้างรายได้ให้กับครอบครัว นอกจากนี้ กองทุน ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี ยังได้เปิดตัวโครงการ Read and Record ซึ่งเป็นโครงการจิตอาสาผ่านช่องทางออนไลน์ เชิญชวนพนักงานฟอร์ดสร้างห้องสมุดออนไลน์จากการอ่านหนังสือเด็กในภาษาต่างๆ เพื่อส่งต่อให้แก่เด็กและเยาวชนกว่า 1.3 พันล้านคนทั่วโลกที่ได้รับผลกระทบจากการปิดโรงเรียน […]
อยู่เฉยไม่ได้แล้ว สถานการณ์แบบนี้ต้องช่วยกัน ล่าสุด บริษัท ไบเออร์สด๊อรฟ (ประเทศไทย) ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ดูแลผิวอย่างนีเวีย และยูเซอริน ประกาศขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสู้วิกฤตโควิด-19 ครั้งนี้ ด้วยการผลิต แอลกอฮอล์ทำความสะอาดมือ มาตรฐานทางการแพทย์กว่า 20,000 ลิตร เพื่อบริจาคให้กับโรงพยาบาลกว่า 1,000 แห่งทั่วประเทศ โดยในขณะนี้ได้เริ่มผลิตแอลกอฮอล์ 80% สำหรับล้างมือแล้วที่โรงงานในประเทศไทย ซึ่งถือว่าเป็นศูนย์กลางการผลิตขนาดใหญ่ โดยปกติจะเป็นโรงงานผลิตสินค้านีเวีย และยูเซอริน ซึ่งคาดว่าจะเริ่มบริจาคให้กับโรงพยาบาล และหน่วยงานที่ต้องการได้ตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคม 2563 เป็นต้นไป โดยแอลกอฮอล์ 80% สำหรับทำความสะอาดมือ ที่ทางบริษัท ไบเออร์สด๊อรฟ (ประเทศไทย) ผลิตอยู่ในขณะนี้ จะไม่วางจำหน่ายทั่วไป แต่จะผลิตขึ้นสำหรับบริจาคให้โรงพยาบาลกว่า 1,000 แห่งในประเทศไทย รวมถึงสถานสงเคราะห์บ้านเด็กกำพร้า และเด็กด้อยโอกาสอีกหลายแห่ง หลังจากมีรายงานว่า สถานพยาบาลเหล่านี้ขาดแคลนแอลกอฮอล์ทำความสะอาดมืออย่างหนัก โดยแอลกอฮอล์ล้างมือเหล่านี้ ทางบริษัทได้รับการสนับสนุนในเรื่องของการจัดส่งผลิตภัณฑ์ จากบริษัท DHL ช่วยกระจายสินค้าให้ โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด นอกจากนี้ทางบริษัทยังแจกให้กับพนักงานออฟฟิศ และพนักงานขายหน้าร้านของทางผลิตภัณฑ์นีเวีย และยูเซอรินอีกกว่า 1,780 […]
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย บริจาคหน้ากากอนามัยจำนวน 5,000 ชิ้นให้แก่โรงพยาบาลและหน่วยงานทางการแพทย์ 5 แห่งในประเทศไทย ได้แก่ โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลรามาธิบดี โรงพยาบาลพระราม 9 โรงพยาบาลสงขลา และสำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดปทุมธานี เพื่อช่วยเหลือบุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในการรับมือกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ร่วมส่งต่อความห่วงใยให้แก่สังคมไทยในสถานการณ์วิกฤติ ควบคู่ไปกับการปฏิบัติตามแนวทางในการป้องกันการแพร่ระบาดสำหรับพนักงานและลูกค้าอย่างเคร่งครัด เมื่อเร็ว ๆ นี้ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ได้ประกาศและปฏิบัติใช้มาตรการเพื่อป้องกันและเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างเคร่งครัดในเครือข่ายผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการของบีเอ็มดับเบิลยู มินิ และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราดทั่วประเทศไทย เพื่อลดความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสสำหรับลูกค้าและพนักงาน ซึ่งครอบคลุมถึงการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายของพนักงานและลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการทุกคน ข้อปฏิบัติสำหรับพนักงานในการสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา พร้อมจัดให้มีน้ำยาล้างมือฆ่าเชื้อในจุดต่าง ๆ การออกมาตรการห้ามไม่ให้พนักงานทุกคนเดินทางไปยังพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงตามที่ได้กำหนดโดยรัฐบาล การทำความสะอาดฆ่าเชื้อผิวสัมผัสบนรถยนต์และรถมอเตอร์ไซค์ในโชว์รูมเป็นประจำทุกชั่วโมง ทั้งยังขยายการบริการให้ครอบคลุมความปลอดภัยและความสะดวกสบายของลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการมากยิ่งขึ้น บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย นำโดย มร. อเล็กซานเดอร์ บารากา (กลาง) ประธาน และคุณกฤษฎา อุตตโมทย์ (ขวา)ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารกิจการองค์กร ส่งมอบหน้ากากอนามัยให้แก่โรงพยาบาลรามาธิบดี โดยมีนายแพทย์ณรงค์ฤทธิ์ มัศยาอานนท์ (ซ้าย) ผู้อำนวยการศูนย์การแพทย์สิริกิติ์ เป็นผู้รับมอบ
ในขณะที่โลกกำลังเผชิญหน้าความท้าทายกับวิกฤตการระบาดของโควิด-19 ทาง Evolve MMA สถานที่ฝึกซ้อมชื่อดังแห่งวงการศิลปะการต่อสู้ เตรียมให้บริการสอนแบบออนไลน์ทุกวันส่งตรงถึงหน้าจอทุกคนโดยไม่มีค่าใช้จ่าย สำหรับค่าย Evolve MMA ปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 27 มีนาคมที่ผ่านมา ตามคำสั่งของรัฐบาลประเทศสิงคโปร์ที่ให้หยุด “การสอนทั้งหมด” และห้ามประชาชนรวมตัวกันเกิน 10 คนขึ้นไป Evolve MMA เหมาะสำหรับทุกคน ตั้งแต่นักกีฬาระดับซูเปอร์สตาร์ของวงการไปจนถึงผู้ที่เพิ่งเริ่มต้น แต่ด้วยการระบาดครั้งใหญ่ของไวรัส ทำให้วิถีชีวิตเปลี่ยนไป ทาง Evolve MMA จึงได้เกิดกิจกรรมนี้ขึ้น ซึ่งคลาสออนไลน์ดังกล่าวจะเริ่มต้นตั้งแต่ช่วงเย็นของวันจันทร์ที่ 30 มีนาคมที่ผ่านมา ผ่านบรรดาโค้ชระดับโลกที่จะมาช่วยสอนทุกคนด้วยประสบการณ์สุดแปลกใหม่ โดย ชาตรี ศิษย์ยอดธง ผู้ก่อตั้ง Evolve MMA ได้ประกาศผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า “ยินดีต้อนรับทุกคนที่อยากฝึกซ้อมด้วยกันกับเรา ในแบบฉบับที่ปลอดภัยและสะดวกสบายจากการร่วมชมผ่าน facebook.com/EvolveMMA และในยูทูบ EVOLVE MMA ของเรา” “ตารางเรียนแบบเต็มวันของเราได้ถูกประกาศแล้วบนเฟซบุ๊ก พร้อมการไลฟ์สตรีมสดๆ ตั้งแต่ 9.00 น. จนถึง 21.15 น. (ตามเวลามาตรฐานสิงคโปร์) ตลอดทั้ง […]
อาดิดาส รันนิ่ง เปิดตัวแคมเปญ “ฟาสเตอร์ แดน” (Faster Than) เชิญชวนนักวิ่งทุกคนมาร่วมกำหนดนิยามแห่ง “ความเร็ว” ผ่านเรื่องราวที่จะมาสร้างแรงบันดาลใจในการพัฒนาตนเองของนักวิ่งจากทั่วทุกมุมโลก ซึ่งต่างก็มีความเชื่อที่ตรงกันว่า “ความเร็วนั้นเป็นความรู้สึกส่วนตัวของแต่ละคน” เมื่อความเร็วไม่ใช่แค่เรื่องของการทำสถิติที่ดีที่สุดอีกต่อไป เพราะการวิ่งสำหรับอีกหลาย คนนั้นหมายถึงการพัฒนาตนเองให้ดียิ่งขึ้นด้วยเช่นกัน ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา อาดิดาส ตระหนักเป็นอย่างดีว่า การวิ่งนั้นมีพลังในการสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นได้ และในตอนนี้ อาดิดาส ก็จะมาแบ่งปันเรื่องราวที่น่าสนใจ ซึ่งได้มาจากการพูดคุยและทำการศึกษาจากนักวิ่งจำนวนทั้งหมด 6,000 คน ที่วิ่งอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง และกระจายตัวอยู่ตาม 6 หัวเมืองหลักทั่วโลก ได้แก่ ลอสแอนเจลิส, นิวยอร์ก, ลอนดอน, เซี่ยงไฮ้, โตเกียว และ ปารีส ซึ่งจากการศึกษา “เหตุผลที่คนเราต้องออกไปวิ่ง” (Why We Run) ก็ทำให้ อาดิดาส ค้นพบว่า การวิ่งนั้นไม่จำเป็นว่าเราจะต้องวิ่งให้เร็วที่สุดเสมอไป เพราะทุกวันนี้นักวิ่งหลายๆ คนก็ให้ความสำคัญกับประโยชน์ที่ได้รับจากการออกไปวิ่ง โดยมีนักวิ่งถึง 87% ที่ออกมายอมรับว่า พวกเขาออกไปวิ่งเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงและพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น การศึกษาในครั้งนี้ยังทำให้ค้นพบสิ่งใหม่ๆ ดังต่อไปนี้ ขจัดสิ้นทุกเสียงรบกวน (Faster Than the Noise) : นักวิ่งส่วนใหญ่ 60% รู้สึกว่าการวิ่งนั้นช่วยให้พวกเขามีสุขภาพจิตที่ดี ขณะที่อีก 47% บอกว่าการออกไปวิ่งนั้นทำให้พวกเขารู้สึกผ่อนคลายจากความตึงเครียดที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน ยิ่งไปกว่านั้น ผลการศึกษายังพบว่ามีนักวิ่งถึง 68% ที่ไม่พกโทรศัพท์ติดตัวขณะออกไปวิ่งด้วย สยบทุกข้อแก้ตัวต่างๆ นานา (Faster Than Excuses) : 18% ของนักวิ่งรู้สึกดีมากหลักจากที่ได้ออกไปวิ่ง โดยมีนักวิ่งอีก 14% ที่ยอมรับว่าการวิ่งได้ทำให้พวกเขารู้สึกภาคภูมิใจ ขณะที่อีก 32% บอกว่ารู้สึกมั่นใจมากขึ้นทันทีหลังจากที่วิ่งเสร็จ พิชิตความเดียวดาย (Faster Than Alone) […]
อันเดอร์ อาร์เมอร์ จัดการแข่งขันเพื่อค้นหาสุดยอดคนอึด โดยผู้ที่ร่วมแข่งขันมีทั้งนักกีฬา และบุคคลทั่วไปที่อยากจะมาทดสอบความแข็งแกร่ง และพิสูจน์หัวใจยอดนักสู้ของตัวเองในงาน Test of Will 2018 Test of Will ถือเป็นกิจกรรมทดสอบร่างกายสไตล์เออร์แบนฟิตเนสที่ใหญ่ที่สุดของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งกิจกรรมครั้งนี้จัดขึ้นในประเทศไทยเป็นครั้งที่ 3 การแข่งขันประลองสมรรถนะความฟิตระดับเอเชียที่เปิดรับเหล่าผู้กล้าทั้งชายและหญิง โดยปีนี้พิเศษกว่าทุกปี อันเดอร์ อาร์เมอร์ แบ่งประเภทการแข่งขันเป็น 3 ช่วงกลุ่มอายุ เริ่มต้นตั้งแต่ช่วงอายุ 18 ถึง 34 ปี กลุ่มที่สองช่วงอายุ 35 ถึง 44 ปี และกลุ่มสุดท้ายรุ่นใหญ่ช่วงอายุตั้งแต่ 45 ปีขึ้นไป Test of Will 2018 เป็นกิจกรรมเฟ้นหาผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในประเทศไทย และผู้ที่ชนะเลิศจะได้รับรางวัลเงินสดมูลค่า 50,000 บาท และบัตรกำนันแทนเงินสดจากอันเดอร์ อาร์เมอร์ อีก 50,000 บาทและรางวัลอื่นๆ อีกมากมาย รวมมูลค่ากว่า 150,000 บาท ไฮไลท์ในงาน Test of Will ปีนี้นอกจากรางวัลสุดพิเศษมากมายจาก อันเดอร์ […]
ไม่ว่าคุณจะเป็นนักวิ่งสายแข็งหรือมือใหม่หัดวิ่ง สิ่งที่เป็นอุปสรรคสำหรับการวิ่งในช่วงนี้ก็คงหนีไม่พ้นสภาพอากาศที่ร้อนระอุจนอยากจะหยุดวิ่งกันดื้อๆ แล้วไปหลบแดดแช่แอร์ตั้งแต่ก้าวเท้าแรกที่ออกจากร่มเงา การวิ่งในช่วงหน้าร้อนนั้น นอกจากจะต้องใช้พลังกาย (และพลังใจ) มากกว่าปกติแล้ว ยังต้องใช้ความเอาใจใส่มากเป็นพิเศษด้วย นั่นก็เพราะว่าแสงแดดและอุณหภูมิที่สูงนั้นจะทำให้ร่างกายของเราทำงานหนักจนออกอาการเหนื่อยล้าเร็วกว่าปกติ เช่น จากเดิมที่วิ่งเพซ 6 ได้สบายๆ กลับกลายเป็นว่าต้องใช้พลังงานและหยาดเหงื่อที่มากขึ้นกว่าเมื่อก่อน รวมถึงตัวเลข heart rate บนหน้าจอที่พุ่งสูงขึ้นจนน่าตกใจ วันนี้ โค้ชเหรียง-ณัฐ ดำรงค์ทวีศักดิ์ โค้ชด้านการวิ่งจากอาดิดาส รันเนอร์ส แบงค็อก ได้แชร์ทริคในการวิ่งหน้าร้อนเพื่อให้ทุกคนได้วิ่งผ่านพ้นสมรภูมิร้อนไปด้วยกัน ดังนี้ ดื่มน้ำจิบเกลือแร่ให้มากขึ้น – เริ่มจากการดื่มน้ำหรือเกลือแร่ที่ติดมาในกระเป๋าของเราให้มากขึ้นและบ่อยขึ้น ทั้งในช่วงก่อนวิ่ง ขณะวิ่ง และหลังวิ่ง ยิ่งถ้าเป็นน้ำเย็นๆ ก็จะช่วยระบายความร้อนในร่างกายได้ดีกว่าน้ำอุ่น ส่วนใครที่โปรดปรานเกลือแร่ ก็ขอให้เปลี่ยนมาใช้แบบที่มีความเข้มข้นน้อย เพื่อให้ร่างกายดูดซึมได้ง่ายขึ้น ทั้งนี้ ปริมาณและการดื่มนั้นขึ้นอยู่กับระยะทางการซ้อมในวันนั้นๆ และร่างกายที่มีอัตราการสูญเสียเหงื่อที่ไม่เท่ากัน จึงอาจปรับเพิ่มจากปกติประมาณ 200 – 300 มิลลิลิตร ตามความเหมาะสม ล้างหน้าล้างตัวด้วยน้ำเย็น – เทคนิคนี้เป็นวิธีเติมความสดชื่นแบบง่ายๆ เพียงแค่เอาน้ำเย็นราดเบาๆ ที่บริเวณใบหน้าและตามส่วนต่างๆ ของร่างกายก็จะช่วยลดอุณหภูมิในร่างกายได้ทันที เลือกเสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี – ถ้าปกติใส่เสื้อยืดไปวิ่ง ก็ให้ลองเปลี่ยนมาใช้เสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดีกว่าอย่าง Clima Chill เพราะเสื้อยืดที่ชุ่มเหงื่อจะระบายอากาศและอุณหภูมิในร่างกายได้ไม่ดี อีกทั้งยังทำให้เราไม่สามารถขยับหรือเคลื่อนที่ได้อย่างคล่องตัวอีกด้วย จึงขอแนะนำให้ใส่เสื้อที่ระบายอากาศได้ดี หรือเลือกใส่เสื้อกล้ามที่สามารถระบายความร้อนได้ดีที่สุด เตรียมของกันแดด และปรับเวลาวิ่ง – […]