เพราะสุขภาพดีสร้างได้จากวินัยและการออกกำลังกาย ล่าสุด บริษัท เซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป จำกัด (CMG) ประกาศเปิดตัวเทรนนิ่งวอทช์รุ่นใหม่ G-SQUAD GBD-H1000 ที่มาพร้อมเซ็นเซอร์ห้าแบบ ซึ่งจะช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลการออกกำลังกาย การเผาผลาญแคลอรี่ รวมถึงข้อมูลเส้นทางในการออกกำลังกาย นอกจากนี้ CASIO G-SHOCK ยังได้นำเสนออีกหนึ่งทางเลือกสำหรับสายรักสุขภาพอย่าง G-SQUAD GBD-100 Training Series ที่เน้นการเพิ่มประสิทธิภาพในการออกกำลังกาย พร้อมความต้านทานแรงกระแทกและฟีเจอร์อัจฉริยะที่แม่นยำกว่าเดิม G-SQUAD GBD-H1000 มาพร้อมระบบเซ็นเซอร์อัจฉริยะทั้งหมด 5 ตัว ได้แก่ เซ็นเซอร์อัตราการเต้นหัวใจ (HRM) เซ็นเซอร์วัดระดับความสูง (Altitude) เซ็นเซอร์วัดความกดอากาศ (Barometric Pressure Altitude Sensor) เซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิ (Thermo Sensor) เซ็นเซอร์เข็มทิศ (Compass) เซ็นเซอร์จับความเคลื่อนไหว (Accelerometer Sensor) รวมถึงรองรับการคำนวณค่าการใช้ออกซิเจนสูงสุด (VO2max) ที่ใช้อัตราการเต้นของหัวใจและความเร็วเพื่อเป็นตัวชี้วัด บ่งบอกถึงความแข็งแรงของหัวใจและปอดของผู้สวมใส่ และมีประโยชน์อย่างยิ่งเมื่อต้องการเพิ่มความทนทานในการวิ่งและกิจกรรมการเทรนนิ่งอื่นๆ โดยการวัดค่าและวิเคราะห์ข้อมูลนี้ สามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนในแบบไร้สายผ่านระบบ […]
สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของคนทั่วโลก เช่นเดียวกับสังคมไทยที่กำลังเผชิญและร่วมกันต่อสู้อย่างเต็มกำลัง วิกฤตดังกล่าวส่งผลให้อุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็นไม่เพียงพอต่อความต้องการ กองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย ภายใต้มูลนิธิฮอนด้าประเทศไทย ร่วมกับกลุ่มบริษัทฮอนด้าในประเทศไทย พร้อมอยู่เคียงข้างและให้ความช่วยเหลือคนไทยต้านภัยโควิด-19 เล็งเห็นความสำคัญของการสาธารณสุข รวมถึงการป้องกันบุคลากรทางการแพทย์ให้รักษาผู้ติดเชื้อได้อย่างปลอดภัย จึงได้ประสานความร่วมมือกับโรงพยาบาลวชิรพยาบาล เพื่อนำทักษะและความเชี่ยวชาญ ที่มีอยู่มาผลิตเตียงเคลื่อนย้ายผู้ป่วยแบบแรงดันลบ จำนวน 100 เตียง เพื่อเตรียมส่งมอบให้กับโรงพยาบาลกว่า 90 แห่งทั่วประเทศ พร้อมประกาศให้การสนับสนุนเพิ่มเติมบริการรถจักรยานยนต์พยาบาลฮอนด้า (Motorlance) อีก 10 คัน นายพิทักษ์ พฤทธิสาริกร กรรมการผู้จัดการกองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย กล่าวว่า “ฮอนด้า พร้อม เคียงข้างคนไทยในทุกสถานการณ์ ในครั้งนี้ เราได้ตั้งทีมเฉพาะกิจขึ้นเพื่อพัฒนานวัตกรรมเตียงเคลื่อนย้ายผู้ป่วยติดเชื้อแบบแรงดันลบ ช่วยให้ไม่ต้องรอการนำเข้าอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ปัจจุบันเป็นที่ต้องการทั่วโลก ซึ่งจะมีการผลิตเตียงฯ ณ โรงงานผลิตรถยนต์ฮอนด้า จ.พระนครศรีอยุธยา โดยมีพนักงานจากสายการผลิต ที่หยุดเดินสายการประกอบรถยนต์ชั่วคราวเป็นจิตอาสาดำเนินการผลิต ภายใต้การควบคุมคุณภาพการผลิตของคณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช ซึ่งขณะนี้ผ่านการทดสอบทางการแพทย์และเริ่มการผลิตแล้ว โดยจะทยอยส่งมอบให้กับโรงพยาบาลกว่า 90 แห่งทั่วประเทศ ได้ในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม 2563 นอกจากนี้ กองทุนฯ ยังได้ให้การสนับสนุนเพิ่มเติม โดยมอบบริการรถจักรยานยนต์พยาบาล (Motorlance) 10 คัน ซึ่งดัดแปลงจากรถจักรยานยนต์ฮอนด้า CBR250R ที่มีสมรรถนะสูง […]
บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เล็งเห็นถึงความสำคัญและความทุ่มเทของบุคลากรทางการแพทย์เนื่องจากสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 บริษัทฯจึงขอเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์ ด้วยการมอบส่วนลด 5,000 บาทแทนคำขอบคุณ สำหรับการเข้ารับบริการบำรุงรักษารถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ Service A หรือ Service B ตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคม – 15 มิถุนายน พ.ศ. 2563 ที่ศูนย์บริการเมอร์เซเดส-เบนซ์อย่างเป็นทางการทั่วประเทศ บุคลากรทางการแพทย์สามารถนำรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ทุกรุ่นเข้ารับบริการ Service A หรือ Service B และรับทันทีส่วนลด 5,000 บาท โดยทำการนัดหมายเข้ารับบริการล่วงหน้ากับศูนย์บริการเมอร์เซเดส-เบนซ์อย่างเป็นทางการทั่วประเทศ เท่านั้นโดยติดต่อศูนย์บริการฯ โดยตรง หรือสามารถนัดหมายออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ www.mercedes-benz.co.th/OnlineAppointmentBooking ลูกค้าที่สนใจสามารถติดต่อศูนย์บริการเมอร์เซเดส–เบนซ์อย่างเป็นทางการทั่วประเทศ โดยแคมเปญพิเศษนี้มีผลตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคม ถึงวันที่ 15 มิถุนายน 2563 นี้
บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมต้านภัยโควิด-19 โดยการชวนผู้ใช้เมอร์เซเดส-เบนซ์ โพสต์ภาพถ่ายกับรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ของคุณ พร้อมเปิดไฟหน้ารถ และเขียนข้อความให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์ และใส่ #ShineForTomorrow #MercedesForTomorrow #MercedesBenzThailand เพื่อเป็นการแสดงเชิงสัญลักษณ์ในการให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์และก้าวผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไปด้วยกัน ก่อนโพสต์ลงในโซเชียลมีเดียไม่ว่าจะเป็นทางเฟซบุ๊ค หรือ อินสตาแกรม ตั้งแต่วันนี้จนถึง 31 พฤษภาคม 2563 ทุก ๆ โพสต์ เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จะร่วมสมทบเงินบริจาค 500 บาท โดยเมื่อจบโครงการ เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) ตั้งเป้ารวบรวมเงินบริจาคและสมทบเข้าโครงการเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 2,000,000 บาท เพื่อส่งต่อความช่วยเหลือไปยัง 4 โรงพยาบาลที่เป็นศูนย์กลางการดูแลรักษาผู้ติดเชื้อ ได้แก่ โรงพยาบาลศิริราช โรงพยาบาลรามาธิบดี โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย และสถาบันบำราศนราดูร เพื่อใช้สำหรับค้นคว้าและวิจัยวัคซีนในอนาคต มร. โรลันด์ โฟล์เกอร์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เมอร์เซเดส-เบนซ์ ได้ติดตามสถานการณ์ของโรคโควิด-19 อย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง และทำให้เราตระหนักว่า บุคลากรทางการแพทย์เป็นกลุ่มบุคคลที่ต้องทำงานอย่างหนักเพื่อรับมือกับสถานการณ์โรคระบาดที่อาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา แม้ว่าสถานการณ์ปัจจุบัน จำนวนผู้ติดเชื้อจะไม่ได้เพิ่มมากขึ้นมากแล้ว เนื่องด้วยภาครัฐมีนโยบายป้องกันโควิด-19 ที่เข้มข้น ทั้งการปิดทำการสถานที่เสี่ยง และการเว้นระยะห่างทางสังคม ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากประชาชนในช่วงเดือนที่ผ่านมา ทว่าสถานการณ์ปัจจุบันยังเป็นสิ่งที่ต้องเฝ้าระวังต่อไป เมอร์เซเดส-เบนซ์จึงขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการส่งต่อความช่วยเหลือแก่บุคลากรทางการแพทย์ใน 4 โรงพยาบาลหลักที่เป็นศูนย์กลางการดูแลรักษาผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพื่อร่วมเป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้คนไทยได้ฝ่าวิกฤติโรคระบาดครั้งนี้ได้สำเร็จร่วมกัน” และด้วยตระหนักในความไม่สะดวกของลูกค้าในการนำรถยนต์เข้ารับบริการที่ศูนย์บริการเมอร์เซเดส-เบนซ์ในช่วงของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เมอร์เซเดส-เบนซ์จึงออก 2 มาตรการเพื่อช่วยเหลือลูกค้าไปพร้อมกัน ดังนี้ หากรถยนต์ของท่านสิ้นสุดระยะการประกันคุณภาพ หรือสิ้นสุดระยะแพ็คเกจเมอร์เซเดส-เบนซ์ เซอร์วิส […]
ออโตโมบิลี ลัมโบร์กินี ได้มีการปรับไลน์การผลิตรถซูเปอร์สปอร์ตคาร์ของโรงงานในเมืองซานตากาตา โบโลญเญเซ เป็นการผลิตหน้ากากอนามัยสำหรับใช้ทางการแพทย์ เพื่อนำไปบริจาคให้กับโรงพยาบาล Sant’Orsola-Malpighi ในเมืองโบโลญญ่า ต่อสู้กับการระบาดของไวรัส COVID-19 สำหรับการผลิตหน้ากากอนามัยเพื่อทางการแพทย์ถูกผลิตขึ้นโดยพนักงานแผนกตัดเย็บที่ผลิตชิ้นส่วนภายในและดูแลงานคัสตอมของรถซูเปอร์สปอร์ตคาร์ลัมโบร์กินีโดยเฉพาะ ซึ่งจะสามารถผลิตหน้ากากอนามัยได้ 1,000 ชิ้นต่อวัน และผลิตเฟซชิลด์จำนวน 200 ชิ้นต่อวัน ด้วยเครื่องพิมพ์สามมิติสำหรับการผลิตชิ้นส่วนคาร์บอนไฟเบอร์ โดยการทำประโยชน์เพื่อสังคมในครั้งนี้ได้รับความร่วมมือและการสนับสนุนจากหน่วยงานปกครองแห่งแคว้นเอมิเลีย-โรมัญญา และมหาวิทยาลัยของเมืองโบโลญญา ซึ่งได้มีการตรวจสอบคุณภาพของหน้ากากจากภาควิชาวิทยาศาสตร์การแพทย์และศัลยศาสตร์ ก่อนทำการส่งมอบให้แก่โรงพยาบาลต่อไป สเตฟาโน โดเมนิคาลี ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ ออโตโมบิลี ลัมโบร์กินี กล่าวว่า “ในสถานการณ์ฉุกเฉินนี้เราตระหนักถึงความสำคัญที่จะต้องร่วมแก้วิกฤตเพื่อประเทศชาติและสังคม ซึ่งโรงพยาบาล Sant’Orsola-Malpighi เป็นพาร์ทเนอร์กับเรามานานหลายปี ทั้งการเป็นที่ปรึกษาโครงการวิจัยต่างๆ รวมถึงการพัฒนาโปรแกรมส่งเสริมสุขภาพของพนักงานลัมโบร์กินี เราจะร่วมฝ่าฟันวิกฤตไวรัสโคโรนาด้วยการทุ่มเทแรงกายแรงใจเพื่อสนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์ผู้ซึ่งเป็นด่านหน้าของการต่อสู้กับโรคระบาดนี้อยู่ทุกวัน” ทั้งนี้ ทางลัมโบร์กินีได้มีการเปิดไฟบนอาคารสำนักงานใหญ่ในเมืองซานตากาตา โบโลญเญเซ เป็นสีธงชาติอิตาลีในทุกค่ำคืน เพื่อเป็นการแสดงสัญลักษณ์แห่งความสามัคคีและการร่วมต่อสู้กับไวรัส COVID-19 ของประชาชนทั่วประเทศ
“เพราะการป้องกัน ต้องเข้าถึงทุกจุด” บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ชั้นนำของเมืองไทย พร้อมต่อสู้เคียงข้างไปกับบุคลากรทางการแพทย์ ฝ่าวิกฤติ โควิด-19 และสนับสนุนมาตรการเชิงป้องกันการแพร่ระบาดของภาครัฐ โดย นายพงศธร เอื้อมงคลชัย รองประธานกรรมการบริหาร พร้อมผู้บริหารระดับสูง ได้ทำการส่งมอบรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าจำนวน 100 คัน ให้แก่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เพื่อกระจายสู่สาธารณสุขพื้นที่ 77 จังหวัด นำไปใช้เป็นหน่วยเคลื่อนที่เร็ว เพิ่มประสิทธิภาพและความคล่องตัวในการปฎิบัติภารกิจพิชิตเชื้อไวรัส โควิด-19 โดยรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าที่บริจาคในครั้งนี้ จะรับหน้าที่สู้ศึกโควิด-19 ในครั้งนี้ ประกอบด้วยรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า ฟีโน่, ยามาฮ่า ฟรีโก, ยามาฮ่า แอร็อกซ์155 และยามาฮ่า ฟินน์ โดยแบ่งการส่งมอบให้กับกระทรวงสาธารณสุข เพื่อกระจายจัดส่งให้สาธารณสุขในพื้นที่ 77 จังหวัดได้นำไปใช้งาน นายพงศธร เอื้อมงคลชัย กล่าวว่า “บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการให้การสนับสนุนเหล่า “นักรบเสื้อกาวน์” ซึ่งเป็นบุคลากรทางการแพทย์ที่อยู่แนวหน้าในการช่วยเหลือ ป้องกัน และพิชิตไวรัส โควิด-19 […]
กองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย ภายใต้มูลนิธิฮอนด้าแห่งประเทศไทย ร่วมกับกลุ่มบริษัทฮอนด้าในประเทศไทย ต้านภัยโควิด-19 ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือสังคมไทย ประกาศการสนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์รวมมูลค่ากว่า 40 ล้านบาท เพื่อสู้วิกฤติการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ประสานความร่วมมือโรงพยาบาลวชิรพยาบาล ตั้งทีมเฉพาะกิจเปิดสายการผลิตในโรงงานผลิตรถยนต์ฮอนด้าที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ผลิตเตียงเคลื่อนย้ายผู้ป่วยติดเชื้อแบบแรงดันลบ (Negative Pressure Mobile Bed) จำนวน 100 เตียง ที่ช่วยป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโควิด-19 และเพิ่มความปลอดภัยให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ที่ต้องดูแลผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง พร้อมผนึกกำลังจิตอาสาพนักงาน และภาคส่วนต่างๆ อาทิ กรมราชทัณฑ์ เพื่อร่วมผลิตและส่งมอบอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ขาดแคลนอื่นๆ ให้โรงพยาบาล 48 แห่งทั่วประเทศ รวมทั้งมอบบริการรถพยาบาลกองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย จำนวน 10 คัน เพื่อใช้สนับสนุนการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยโควิด-19 นายพิทักษ์ พฤทธิสาริกร กรรมการผู้จัดการกองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย กล่าวว่า “จากเจตนารมณ์ของกองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย ที่ดำรงอยู่และพร้อมให้ความช่วยเหลือ และบรรเทาความเดือดร้อนแก่ประชาชนและสังคมไทยมาโดยตลอด โดยในช่วงวิกฤติการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นสถานการณ์ที่ต้องอาศัยการจัดการและความร่วมมือจากหลายภาคส่วน ทางกองทุนฯ ร่วมกับกลุ่มบริษัทฮอนด้าในประเทศไทย มีความยินดีที่จะมอบความช่วยเหลือฉุกเฉินด้วยการสนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์ เพื่อช่วยบรรเทาสถานการณ์การขาดแคลนเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ให้กับโรงพยาบาลทั่วประเทศ” “จากการที่โรงพยาบาลวชิรพยาบาลได้พัฒนานวัตกรรมเตียงเคลื่อนย้ายผู้ป่วยติดเชื้อแบบแรงดันลบ ซึ่งปัจจุบันมีความต้องการที่เพิ่มมากขึ้น ทางกองทุนฯ ได้ประสานความร่วมมือและจัดตั้งทีมเฉพาะกิจขึ้นเพื่อผลิตเตียงฯ 100 เตียง ณ โรงงานผลิตรถยนต์ฮอนด้า […]
กองทุน ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี (Ford Motor Company Fund) หน่วยงานเพื่อสังคมของฟอร์ด เปิดตัวสองกิจกรรมเพื่อสังคมเพื่อให้พนักงานทั่วโลกและผู้ที่สนใจมีส่วนร่วมในกิจกรรมเพื่อสังคมแม้อยู่ที่บ้าน การระดมทุนร่วมกับพนักงานในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา เป็นความร่วมมือระหว่าง กองทุน ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี และการบริจาคทุนส่วนตัวของมร. บิล ฟอร์ด ประธานกรรมการบริหาร ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี เพื่อนำเงินบริจาคจำนวน 500,000 เหรียญสหรัฐ (ราว 16.5 ล้านบาท) สมทบกับเงินบริจาคที่ได้รับตามจริงจากพนักงานฟอร์ดทั่วโลกและผู้ที่สนใจ รวมมูลค่าถึง 1 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 33 ล้านบาท) มอบให้องค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่ได้รับการคัดเลือกจากกว่า 20 ประเทศทั่วโลก ร่วมรับมือสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา โดยเริ่มระดมทุนตั้งแต่วันที่ 2 เมษายน ถึง 31 พฤษภาคม 2563 ในประเทศไทย ฟอร์ดพร้อมร่วมมือกับสมาคมพัฒนาประชากรและชุมชน (Population and Community Development Association หรือ PDA) ซึ่งเป็นองค์กรพันธมิตรกับฟอร์ดมายาวนาน นำรายได้จากการระดมทุนช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการปิดกิจการในช่วงของการแพร่ระบาดของโควิด-19 ให้มีรายได้และช่วยเสริมทักษะอาชีพจากการทำหน้ากากผ้าและเจลล้างมือ เพื่อแจกจ่ายให้แก่หน่วยงานภาครัฐ เจ้าหน้าที่สาธารณสุข อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ที่ทำงาน ณ จุดคัดกรองและควบคุมโรคในชุมชนที่ขาดแคลน ในจังหวัดมหาสารคาม ขอนแก่น และบุรีรัมย์ พร้อมต่อยอดการสร้างอาชีพให้แก่ผู้ได้รับผลกระทบอย่างยั่งยืนด้วยการอบรมอาชีพเกษตรแบบเร่งด่วนเพื่อจุนเจือการบริโภคในครัวเรือนและสร้างรายได้ให้กับครอบครัว นอกจากนี้ กองทุน ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี ยังได้เปิดตัวโครงการ Read and Record ซึ่งเป็นโครงการจิตอาสาผ่านช่องทางออนไลน์ เชิญชวนพนักงานฟอร์ดสร้างห้องสมุดออนไลน์จากการอ่านหนังสือเด็กในภาษาต่างๆ เพื่อส่งต่อให้แก่เด็กและเยาวชนกว่า 1.3 พันล้านคนทั่วโลกที่ได้รับผลกระทบจากการปิดโรงเรียน […]
อยู่เฉยไม่ได้แล้ว สถานการณ์แบบนี้ต้องช่วยกัน ล่าสุด บริษัท ไบเออร์สด๊อรฟ (ประเทศไทย) ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ดูแลผิวอย่างนีเวีย และยูเซอริน ประกาศขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสู้วิกฤตโควิด-19 ครั้งนี้ ด้วยการผลิต แอลกอฮอล์ทำความสะอาดมือ มาตรฐานทางการแพทย์กว่า 20,000 ลิตร เพื่อบริจาคให้กับโรงพยาบาลกว่า 1,000 แห่งทั่วประเทศ โดยในขณะนี้ได้เริ่มผลิตแอลกอฮอล์ 80% สำหรับล้างมือแล้วที่โรงงานในประเทศไทย ซึ่งถือว่าเป็นศูนย์กลางการผลิตขนาดใหญ่ โดยปกติจะเป็นโรงงานผลิตสินค้านีเวีย และยูเซอริน ซึ่งคาดว่าจะเริ่มบริจาคให้กับโรงพยาบาล และหน่วยงานที่ต้องการได้ตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคม 2563 เป็นต้นไป โดยแอลกอฮอล์ 80% สำหรับทำความสะอาดมือ ที่ทางบริษัท ไบเออร์สด๊อรฟ (ประเทศไทย) ผลิตอยู่ในขณะนี้ จะไม่วางจำหน่ายทั่วไป แต่จะผลิตขึ้นสำหรับบริจาคให้โรงพยาบาลกว่า 1,000 แห่งในประเทศไทย รวมถึงสถานสงเคราะห์บ้านเด็กกำพร้า และเด็กด้อยโอกาสอีกหลายแห่ง หลังจากมีรายงานว่า สถานพยาบาลเหล่านี้ขาดแคลนแอลกอฮอล์ทำความสะอาดมืออย่างหนัก โดยแอลกอฮอล์ล้างมือเหล่านี้ ทางบริษัทได้รับการสนับสนุนในเรื่องของการจัดส่งผลิตภัณฑ์ จากบริษัท DHL ช่วยกระจายสินค้าให้ โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด นอกจากนี้ทางบริษัทยังแจกให้กับพนักงานออฟฟิศ และพนักงานขายหน้าร้านของทางผลิตภัณฑ์นีเวีย และยูเซอรินอีกกว่า 1,780 […]
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย บริจาคหน้ากากอนามัยจำนวน 5,000 ชิ้นให้แก่โรงพยาบาลและหน่วยงานทางการแพทย์ 5 แห่งในประเทศไทย ได้แก่ โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลรามาธิบดี โรงพยาบาลพระราม 9 โรงพยาบาลสงขลา และสำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดปทุมธานี เพื่อช่วยเหลือบุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในการรับมือกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ร่วมส่งต่อความห่วงใยให้แก่สังคมไทยในสถานการณ์วิกฤติ ควบคู่ไปกับการปฏิบัติตามแนวทางในการป้องกันการแพร่ระบาดสำหรับพนักงานและลูกค้าอย่างเคร่งครัด เมื่อเร็ว ๆ นี้ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ได้ประกาศและปฏิบัติใช้มาตรการเพื่อป้องกันและเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างเคร่งครัดในเครือข่ายผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการของบีเอ็มดับเบิลยู มินิ และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราดทั่วประเทศไทย เพื่อลดความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสสำหรับลูกค้าและพนักงาน ซึ่งครอบคลุมถึงการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายของพนักงานและลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการทุกคน ข้อปฏิบัติสำหรับพนักงานในการสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา พร้อมจัดให้มีน้ำยาล้างมือฆ่าเชื้อในจุดต่าง ๆ การออกมาตรการห้ามไม่ให้พนักงานทุกคนเดินทางไปยังพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงตามที่ได้กำหนดโดยรัฐบาล การทำความสะอาดฆ่าเชื้อผิวสัมผัสบนรถยนต์และรถมอเตอร์ไซค์ในโชว์รูมเป็นประจำทุกชั่วโมง ทั้งยังขยายการบริการให้ครอบคลุมความปลอดภัยและความสะดวกสบายของลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการมากยิ่งขึ้น บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย นำโดย มร. อเล็กซานเดอร์ บารากา (กลาง) ประธาน และคุณกฤษฎา อุตตโมทย์ (ขวา)ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารกิจการองค์กร ส่งมอบหน้ากากอนามัยให้แก่โรงพยาบาลรามาธิบดี โดยมีนายแพทย์ณรงค์ฤทธิ์ มัศยาอานนท์ (ซ้าย) ผู้อำนวยการศูนย์การแพทย์สิริกิติ์ เป็นผู้รับมอบ
ในขณะที่โลกกำลังเผชิญหน้าความท้าทายกับวิกฤตการระบาดของโควิด-19 ทาง Evolve MMA สถานที่ฝึกซ้อมชื่อดังแห่งวงการศิลปะการต่อสู้ เตรียมให้บริการสอนแบบออนไลน์ทุกวันส่งตรงถึงหน้าจอทุกคนโดยไม่มีค่าใช้จ่าย สำหรับค่าย Evolve MMA ปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 27 มีนาคมที่ผ่านมา ตามคำสั่งของรัฐบาลประเทศสิงคโปร์ที่ให้หยุด “การสอนทั้งหมด” และห้ามประชาชนรวมตัวกันเกิน 10 คนขึ้นไป Evolve MMA เหมาะสำหรับทุกคน ตั้งแต่นักกีฬาระดับซูเปอร์สตาร์ของวงการไปจนถึงผู้ที่เพิ่งเริ่มต้น แต่ด้วยการระบาดครั้งใหญ่ของไวรัส ทำให้วิถีชีวิตเปลี่ยนไป ทาง Evolve MMA จึงได้เกิดกิจกรรมนี้ขึ้น ซึ่งคลาสออนไลน์ดังกล่าวจะเริ่มต้นตั้งแต่ช่วงเย็นของวันจันทร์ที่ 30 มีนาคมที่ผ่านมา ผ่านบรรดาโค้ชระดับโลกที่จะมาช่วยสอนทุกคนด้วยประสบการณ์สุดแปลกใหม่ โดย ชาตรี ศิษย์ยอดธง ผู้ก่อตั้ง Evolve MMA ได้ประกาศผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า “ยินดีต้อนรับทุกคนที่อยากฝึกซ้อมด้วยกันกับเรา ในแบบฉบับที่ปลอดภัยและสะดวกสบายจากการร่วมชมผ่าน facebook.com/EvolveMMA และในยูทูบ EVOLVE MMA ของเรา” “ตารางเรียนแบบเต็มวันของเราได้ถูกประกาศแล้วบนเฟซบุ๊ก พร้อมการไลฟ์สตรีมสดๆ ตั้งแต่ 9.00 น. จนถึง 21.15 น. (ตามเวลามาตรฐานสิงคโปร์) ตลอดทั้ง […]
อาดิดาส รันนิ่ง เปิดตัวแคมเปญ “ฟาสเตอร์ แดน” (Faster Than) เชิญชวนนักวิ่งทุกคนมาร่วมกำหนดนิยามแห่ง “ความเร็ว” ผ่านเรื่องราวที่จะมาสร้างแรงบันดาลใจในการพัฒนาตนเองของนักวิ่งจากทั่วทุกมุมโลก ซึ่งต่างก็มีความเชื่อที่ตรงกันว่า “ความเร็วนั้นเป็นความรู้สึกส่วนตัวของแต่ละคน” เมื่อความเร็วไม่ใช่แค่เรื่องของการทำสถิติที่ดีที่สุดอีกต่อไป เพราะการวิ่งสำหรับอีกหลาย คนนั้นหมายถึงการพัฒนาตนเองให้ดียิ่งขึ้นด้วยเช่นกัน ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา อาดิดาส ตระหนักเป็นอย่างดีว่า การวิ่งนั้นมีพลังในการสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นได้ และในตอนนี้ อาดิดาส ก็จะมาแบ่งปันเรื่องราวที่น่าสนใจ ซึ่งได้มาจากการพูดคุยและทำการศึกษาจากนักวิ่งจำนวนทั้งหมด 6,000 คน ที่วิ่งอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง และกระจายตัวอยู่ตาม 6 หัวเมืองหลักทั่วโลก ได้แก่ ลอสแอนเจลิส, นิวยอร์ก, ลอนดอน, เซี่ยงไฮ้, โตเกียว และ ปารีส ซึ่งจากการศึกษา “เหตุผลที่คนเราต้องออกไปวิ่ง” (Why We Run) ก็ทำให้ อาดิดาส ค้นพบว่า การวิ่งนั้นไม่จำเป็นว่าเราจะต้องวิ่งให้เร็วที่สุดเสมอไป เพราะทุกวันนี้นักวิ่งหลายๆ คนก็ให้ความสำคัญกับประโยชน์ที่ได้รับจากการออกไปวิ่ง โดยมีนักวิ่งถึง 87% ที่ออกมายอมรับว่า พวกเขาออกไปวิ่งเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงและพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น การศึกษาในครั้งนี้ยังทำให้ค้นพบสิ่งใหม่ๆ ดังต่อไปนี้ ขจัดสิ้นทุกเสียงรบกวน (Faster Than the Noise) : นักวิ่งส่วนใหญ่ 60% รู้สึกว่าการวิ่งนั้นช่วยให้พวกเขามีสุขภาพจิตที่ดี ขณะที่อีก 47% บอกว่าการออกไปวิ่งนั้นทำให้พวกเขารู้สึกผ่อนคลายจากความตึงเครียดที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน ยิ่งไปกว่านั้น ผลการศึกษายังพบว่ามีนักวิ่งถึง 68% ที่ไม่พกโทรศัพท์ติดตัวขณะออกไปวิ่งด้วย สยบทุกข้อแก้ตัวต่างๆ นานา (Faster Than Excuses) : 18% ของนักวิ่งรู้สึกดีมากหลักจากที่ได้ออกไปวิ่ง โดยมีนักวิ่งอีก 14% ที่ยอมรับว่าการวิ่งได้ทำให้พวกเขารู้สึกภาคภูมิใจ ขณะที่อีก 32% บอกว่ารู้สึกมั่นใจมากขึ้นทันทีหลังจากที่วิ่งเสร็จ พิชิตความเดียวดาย (Faster Than Alone) […]