ปอร์เช่ 911 ดาร์ก้า สืบทอด DNA แชมป์ Paris-Dakar Rally ปี 1984
Nov 23, 2022

ปอร์เช่เปิดตัวรถสปอร์ตรุ่นพิเศษปอร์เช่ 911 ดาร์ก้า (Dakar) ใหม่ ในงานมหกรรมยานยนต์ ลอสแอนเจลิส ออโต โชว์ (Los Angeles Auto Show) รถสปอร์ตสุดพิเศษที่เต็มเปี่ยมไปด้วยสมรรถนะทั้งบนเส้นทางออฟโรด และ ออนโรด ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 2,500 คันทั่วโลก นอกจากเป็นการแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของปอร์เช่ 911 ในวิถีที่หลายคนคาดไม่ถึง และยังเป็นการคารวะต่อชัยชนะ Overall ครั้งแรกของปอร์เช่ จากรายการแข่งขันทางฝุ่น Paris-Dakar Rally ปี 1984 ซึ่งถือกำเนิดขึ้นพร้อมกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ all-wheel drive ในรถสปอร์ตปอร์เช่ 911 นอกจากนี้ยังสามารถสั่งติดตั้งอุปกรณ์ตกแต่ง Rallye Design Package แนวทางเดียวกับรถแข่งแรลลี่ตัวแรงอันเป็นเอกลักษณ์

911 Dakar (ดาร์ก้า) ได้รับการปรับความสูงของตัวรถเพิ่มขึ้น 50 มิลลิเมตรจากปอร์เช่ 911 Carrera (คาร์เรร่า) ที่ติดตั้งช่วงล่างแบบสปอร์ต ด้วยระบบ Lift System ยังสามารถสั่งการยกความสูงทั้งด้านหน้า และด้านหลังเพิ่มขึ้นอีก 30 มิลลิเมตร เรียกได้ว่าเทียบเคียงกับรถยนต์ SUV ทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นความสูงใต้ท้องรถ หรือประสิทธิภาพในการปีนไต่ทางลาดชัน ระบบ Lift system การใช้งานที่ระดับ ‘High level’ นำพารถยนต์พุ่งผ่านเส้นทาง Off-road ที่ความเร็วไม่เกิน 170 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ที่ความเร็วเกินกว่านั้น ระบบจะปรับลดระดับความสูงลงมาในตำแหน่งปกติโดยอัตโนมัติ

ยาง Pirelli Scorpion All Terrain Plus (ขนาด 245/45 ZR 19 ที่ด้านหน้า และ 295/40 ZR 20 ที่ด้านหลัง) ซึ่งออกแบบขึ้นเป็นพิเศษ ลายดอกยางพร้อมลุยความลึกถึง 9 มิลลิเมตร และแก้มยางเสริมความแข็งแกร่ง มั่นใจในความทนทานด้วย Threads ของยางที่ผลิตจากผ้าใบเสริม Carcass plies จำนวน 2 ชั้น ทั้งหมดคือปัจจัยที่ทำให้ยางรถยนต์ของปอร์เช่ 911 Dakar (ดาร์ก้า) เหมาะสมที่สุดสำหรับการบุกตะลุยทุกเส้นทาง นอกจากนี้ยังสามารถเลือกติดตั้งยางรถยนต์ Pirelli P Zero เวอร์ชั่นปกติ และยาง Winter สำหรับฤดูหนาวได้ตามความต้องการ ซึ่งยางทั้งหมดมาพร้อมผ้าใบเสริม Carcass plies 2 ชั้นเช่นกัน

เครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบ ความจุ 3.0 ลิตร เทอร์โบคู่ พละกำลังสูงสุด 480 แรงม้า (353 กิโลวัตต์) แรงบิด 570 นิวตันเมตร ดุดันด้วยเสียงคำรามกระหึ่ม อันเป็นเอกลักษณ์ของขุมพลังบ็อกซ์เซอร์ รถสปอร์ต รุ่นล่าสุดคันนี้สามารถออกตัวจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ ภายในระยะเวลาเพียง 3.4 วินาที ความเร็วสูงสุดจำกัดไว้ที่ 240 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ในรุ่นมาตรฐาน เครื่องยนต์จะถ่ายทอดกำลังไปยังระบบเกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่อัจฉริยะ PDK 8 จังหวะ และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ all-wheel drive ส่วนของอุปกรณ์มาตรฐานอื่น ประกอบด้วย ระบบช่วยเลี้ยวล้อหลัง rear-axle steering จุดยึดแท่นเครื่องที่ยกมาจากปอร์เช่ 911 GT3 และ PDCC anti-roll stabilisation เมื่อทุกอย่างข้างต้นผสานการทำงานร่วมกัน ทำให้ 911 Dakar สามารถทำความเร็วได้ในทุกสภาพพื้นถนน โดยสมรรถนะการขับขี่เหนือชั้นไม่ต่างจากการขับขี่ในสนาม Nürburgring Nordschleife

สร้างความมั่นใจด้วยสมรรถนะสไตล์ออฟโรด (off-road) ได้เต็มพิกัดจาก driving modes ใหม่ถึง 2 รูปแบบ ซึ่งสามารถสั่งการใช้งานฟังก์ชั่นได้จากปุ่มควบคุม Rotary switch บนพวงมาลัย โดย Rallye mode เหมาะกับทางลื่น หรือเส้นทางที่ต้องการเน้นประสิทธิภาพจากระบบ all-wheel drive ในส่วนของ off-road mode จะปรับระดับใต้ท้องรถขึ้นโดยอัตโนมัติ ดีไซน์เพื่อถ่ายทอดกำลังขับเคลื่อนสูงสุด สำหรับเส้นทางทุรกันดาร หรือเนินทราย ทั้งสองรูปแบบใน driving modes สามารถทำงานร่วมกับระบบ Rallye Launch Control ใหม่ล่าสุด ให้อัตราเร่งอันยอดเยี่ยมแม้บนผิวทางเปียกลื่น และระบบจะอนุญาตให้เกิดการลื่นไถลของล้อได้ประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์

เสริมบุคลิกเฉพาะตัวให้กับปอร์เช่ 911 Daka (ดาร์ก้า) ด้วยอุปกรณ์พิเศษที่ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่ สปอยเลอร์หลังน้ำหนักเบาแบบ  Fixed ผลิตจากวัสดุ CFRP รวมทั้งฝากระโปรง CFRP พร้อมช่องดักอากาศสไตล์สปอร์ตตัวแรงที่ยกมาจากปอร์เช่ 911 GT3 นอกจากนี้ยังมีรายละเอียดเกี่ยวกับชิ้นงาน off-road มากมายที่ติดตั้งเป็นมาตรฐาน อาทิ ขอเกี่ยวลากรถอลูมิเนียมสีแดง บริเวณกันชนหน้า และหลัง  ซุ้มล้อขยายขนาดความกว้าง และชายล่างผลิตจาก stainless steel กันกระแทกรอบคันทั้งด้านหน้า ด้านหลัง และด้านข้าง ช่องรับอากาศด้านข้างดีไซน์ใหม่เสริมความดุดันให้มุมมองหน้ารถ พร้อมกระจัง stainless steel ป้องกันกรวดหินที่อาจดีดขึ้นมาจากผิวทาง

หลังคาของปอร์เช่ 911 Dakar (ดาร์ก้า) ติดตั้งช่องจ่ายกระแสไฟ 12 โวลท์ สำหรับชุดไฟส่องสว่าง และแร็คหลังคาซึ่งเป็นอุปกรณ์พิเศษ สามารถรับน้ำหนักได้ 42 กิโลกรัม ตัวแร็คเสริมฟังก์ชั่นด้วยการติดตั้งเครื่องมือสำหรับการแข่งขันแรลลี่ ได้แก่ ถังน้ำมันเชื้อเพลิง และถังน้ำสำรอง พลั่วอเนกประสงค์แบบพับเก็บได้ และแผ่นรอง Traction boards อุปกรณ์เสริมสำหรับจัดเก็บสัมภาระบนหลังคา ทั้งหมดจัดวางได้อย่างเป็นระเบียบ นอกจากนี้ยังสามารถสั่งติดตั้งเต็นท์หลังคาเพิ่มเติมให้กับปอร์เช่ 911 Dakar (ดาร์ก้า) ได้อีกด้วย

ภายในห้องโดยสาร ปอร์เช่ 911 Dakar (ดาร์ก้า) ยังคงไว้ซึ่งบรรยากาศของความเป็นรถสปอร์ตสายพันธ์แรงในทุกอณู ด้วยเบาะนั่งมาตรฐาน Full bucket seats รวมทั้งถอดเบาะหลังออก กระจกรอบคัน และแบตเตอรี่น้ำหนักเบา จากการลดภาระน้ำหนังดังกล่าวมาส่งผลให้ปอร์เช่ 911 Dakar (ดาร์ก้า) มีน้ำหนักรวม 1,605 กิโลกรัม หรือหนักกว่าปอร์เช่ 911 คาร์เรร่า โฟร์ จีทีเอส (Carrera 4 GTS) ที่ติดตั้งระบบเกียร์ PDK เพียง 10 กิโลกรัม เท่านั้น

อีกหนึ่งความพิถีพิถันที่ปรากฏภายในห้องโดยสารมาตรฐานของรุ่นดาร์ก้า (Dakar) คือการตกแต่งด้วยวัสดุ Race-Tex พร้อมเดินตะเข็บด้วยสีเขียว (Shade Green) นอกจากนั้นยังสามารถสั่งติดตั้งอุปกรณ์พิเศษ Metallic exterior finish สำหรับปอร์เช่ 911 Dakar (ดาร์ก้า) รวมไปถึงชุดตกแต่ง Rallye Sport Package พร้อม Roll-over bar เข็มขัดนิรภัย 6 จุด และเครื่องมือดับเพลิง

ชุดแต่ง Rallye Design Package สะท้อนภาพรถแข่งแรลลี่ตัวแรง เจ้าของแชมป์การแข่งขัน Paris-Dakar ปี 1984

หัวใจสำคัญของอุปกรณ์พิเศษ ชุดแต่ง Rallye Design Package จาก Porsche Exclusive Manufaktur คือสีตัวถัง Two-Tone ที่มาในเฉดสีขาว ตัดด้วยสีน้ำเงิน Enzian Blue Metallic นับเป็นครั้งแรกที่ปอร์เช่บรรจุสีตัวถังแบบ Bi-colour paint และการตกแต่งลวดลายลงในรถจากสายการผลิตปกติ ด้านข้างรถลูกค้าสามารถเลือกติดหมายเลขได้โดยอิสระตั้งแต่ 0 ถึง 999 ตามด้วยลายคาด Rally stripes สีแดง และสีทอง ปอร์เช่ 911 Dakar ที่ติดตั้งชุดแต่ง Rallye Design Package มีความโดดเด่นสง่างามจากพื้นฐานที่อ้างอิงรถแข่งเจ้าของตำแหน่งแชมป์เปี้ยนชนะเลิศจากการแข่งขันแรลลี่ Paris-Dakar ปี 1984 รวมไปถึงตัวอักษร “Roughroads” ที่ประทับลงบนบานประตู อีกหนึ่งเครื่องหมายอันเปรียบเสมือนตราสัญลักษณ์ประจำตัวของ 911 Dakar (ดาร์ก้า) และรถแข่งสายพันธ์ออฟโรด (Off-road) จากปอร์เช่ ขอบล้อสีขาว และแผงไฟท้ายสีแดง สร้างความแตกต่างจากรุ่นมาตรฐานในทันทีที่สังเกต Highlights อื่น สามารถพบเห็นได้จากภายในห้องโดยสาร ซึ่งรายรอบด้วยวัสดุ Race-Tex และชิ้นงานหนังแท้ รวมทั้งเข็มขัดนิรภัยสีน้ำเงิน Sharkblue

นาฬิกาข้อมือ Porsche Design Chronograph ผู้ครอบครองปอร์เช่ 911 Dakar (ดาร์ก้า) สามารถสั่งซื้อนาฬิกาข้อมือ Porsche Design Chronograph 1 – 911 Dakar หรือ Chronograph 1 911 Dakar Rallye Design Edition ที่เข้ากับตัวรถ นับเป็นครั้งแรกที่ตัวเรือนนาฬิกาผลิตจากวัสดุป้องกันรอยขีดข่วน Scratch-resistant และ light titanium carbide

ปอร์เช่ 911 Dakar (ดาร์ก้า) ใหม่ ราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 22.9 ล้านบาท สำหรับชุดแต่ง Rallye Design Package ราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 2.56 ล้านบาท

ทดสอบตามมาตรฐาน NEDC: อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย: 9.5 กิโลเมตรต่อลิตร หรือ 10.5 ลิตรต่อระยะทาง 100 กิโลเมตร; อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เฉลี่ย: 239 กรัมต่อกิโลเมตร

ทดสอบตามมาตรฐาน WLTP: อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย: 8.8 กิโลเมตรต่อลิตร หรือ 11.3 ลิตรต่อระยะทาง 100 กิโลเมตร; อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เฉลี่ย: 256 กรัมต่อกิโลเมตร

yodel

yodel
โยเดลผู้มาจากดาวอังคาร เราคือผู้ชื่นชอบเรื่องรถยนต์ ท่องเที่ยว กินดื่ม แต่ก็ยังรักการปั่นจักรยานเพราะสามารถพาไปท่องเที่ยว กินดื่มได้เหมือนกัน...วันว่างยังชอบดูหนัง ฟังเพลง และที่ขาดไม่ได้คือวาดภาพ และประกอบแบบจำลอง... IG: instagram.com/yodel FB: facebook.com/yomodels

Subscribe me