ดีใจเหลือเกินหลังจากที่ไม่ได้ออกจากบ้านไปไหนเป็นเวลานาน วันนี้ก็มาถึงวันที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) ได้ชวนไปกินเนื้อกัน เนื้อจริงๆ วัวล้วนๆ ที่ไม่ใช่สมุนไพร ไปกินกันไกลถึง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ทำไมต้องไปกันไกลขนาดนั้นเพราะที่นั้นเนื้ออร่อยเหรอ…ก็ใช่ แต่จริงๆ แล้วคืออยากให้เราได้ลองขับรถยักษ์ใหญ่สายโหดอย่าง Mercedes-AMG GLC 43 4MATIC Coupe ใช่ครับถ้ามีคำว่า AMG พ่วงมาด้วยมันจะต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ
ความสนุกของทริปนี้มันเริ่มต้นตั้งแต่สตาร์ทรถกันเลยเสียท่อนิดังกระหึ่มขนาดผมกดปุ่มสตาร์ตเองยังมีสะดุ้ง มาดูภายในรถที่ออกแบบมาเป็นอย่างดีวัสดุที่เลือกสรรค์มาให้ก็สมศักดิ์ศรีไม่เสียชื่อเมอร์เซเดส-เบนซ์ ภายในมาในโทนสีดำดูสปอร์ตด้วยการเดินด้ายแดงตามเบาะหนังและพวงมาลัยหนัง ปลุกวิญญาณนักแข่งให้ผู้ขับด้วยเข็มขัดนิรภัยสีแดงในทุกที่นั่ง…บอกเลยโคตรเดือด มาตรวัดแบบดิจิทัลที่มีสกินให้เลือกหลายแบบตามรสนิยม และที่ขาดไม่ได้ระบบเครื่องเสียงจาก Burmester ที่เสียงโคตรดีเปิดเพลงแนวไหนฟังก็เพราะ
พวงมาลัยของ AMG GLC 43 เป็นแบบ มัลติฟังก์ชัน 3 ก้านทรงสปอร์ตท้ายตัดหุ้มด้วยหนัง Nappa ผสมหนังกลับ ปุ่มต่างๆ บนพวงมาลัยสีเงินเงาแวววาว แบบ touch control ใช้งานง่าย พร้อมสวิตช์ ควบคุมระบบล็อกความเร็ว Cruise Control พร้อมฟังก์ชั่นจำกัดความเร็ว ฟังก์ชั่นนี้ผมชอบมากเพราะช่วงที่วิ่งบนโทลเวย์ที่มีการจำกัดความเร็วทำให้การขับรถสบายมากขึ้น เหยียบเท่าไรก็ไม่มีทางเร็วกว่ากฎหมายกำหนด
นานๆ จะมาขับเบนซ์ทีก็จะงงๆ หาเกียร์ไม่เจอเพราะเกียร์จะอยู่ตรงด้านหลังพวงมาลัยด้านขวา เกียร์เป็นแบบอัตโนมัติ 9 สปีด ที่ทำงานได้อย่างเนียนไร้รอยต่อตอนเปลี่ยนเกียร์ และขับสนุกยิ่งขึ้นกับ Paddle Shift การขับรถจะไม่น่าเบื่ออีกต่อไป เวลาขับรถไกลๆ เร่งแซงทันใจถูกใจนักซิ่งยิ่งนักเพราะสามารถเลือกขับแบบเกียร์ธรรมดาได้ด้วยเพียงกดปุ่ม M ข้างๆปุ่ม touchpad ส่วนด้านซ้ายจะเป็นก้านไฟเลี้ยวและที่ปัดน้ำฝนที่อยู่ในก้านเดียวกัน
เมื่อมองไปด้านหน้าจะพบกับมาตรแสดงความเร็วที่แสดงอยู่บนกระจกหน้าแบบ AMG Head-up Display และมีมาตรวัดดิจิทัลแบบ All Digital instrument display ขนาด 12.3 นิ้ว ที่อัดแน่นไปด้วยข้อมูลมากมายแต่อ่านง่ายชัดเจนทั้งคมชัดและการจัดวางตำแหน่งต่างๆ ของมาตรวัดความเร็ว การทำงานของรอบเครื่องยนต์ แถมยังสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการของเราอีกด้วย
มาที่จอกลาง MID ระบบสัมผัสขนาด 10.25 นิ้ว นอกจากจะกดได้ที่จอแล้วยังสามารถเขี่ยสั่งงานได้ที่ touchpad อีกด้วยบนจอก็จะบอกการทำงานของตัวรถทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นระบบนำทาง แสดงชื่อเพลง, คลื่นวิทยุ, โทรศัพท์มือถือของเราที่เชื่อมต่อไว้ ฯลฯ และในตอนนี้ผมขับอยู่ในโหมด SPORT+ กราฟิกสีแดงเพลิงมันจะเดือดๆ หน่อย กดคันเร่งทีดึงหน้าหงายอ่าปากหวอออออออ…
เพิ่มความเร้าอารมณ์ปลุกวิญญาณนักแข่งเมื่อคาดเข็มขัดนิรภัยสีแดง Designo สุดจี๊ดดด แป้นคันเร่งและแป้นเบรกสีเงินสไตล์สปอร์ต เบาะนั่งคู่หน้าแบบ AMG Sport seat ที่สามารถปรับระดับได้ด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมระบบจดจำตำแหน่งนั่ง 3 ตำแหน่ง หุ้มด้วยหนังแท้สีดำเดินด้ายแดง DINAMICA microfibre ผมรู้สึกได้ทันทีว่าผมพร้อมจะกดคันเร่งลงไปจนมิดเมื่อนั่งอยู่บนเบาะตัวนี้เพราะมันโอบกระกระชับเข้ากับลำตัว ทำให้ผมสามารถควบคุมรถได้อย่างมั่นใจทั้งบนทางตรง ทางโค้ง และทางลูกรัง
เบาะนั่งด้านหลังสามารถพับได้ทั้ง 1/3 และ 2/3 ตามความต้องการใช้งาน แม้ว่าจะเป็นรถแบบคูเป้ที่มีท้ายราดลงแต่เรื่องความจุในห้องสัมภาระก็ไม่ด้อยกว่ารุ่นอื่นๆ การพับเบาะก็ง่ายมากเพียงปลายนิ้ว แค่กดปุ่มพนักพิงก็พับเรียบจนได้พื้นที่ใช้งานอย่างเต็มที่ ฝากระโปรงท้าย เปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้าแบบไม่ต้องใช้มือ (HANDS – FREE ACCESS) วิธีการใช้งานเพียงเรามีกุญแจรถอยู่กับตัวแล้วเตะเท้าไปที่ใต้กันชนหลังด้านซ้ายฝากระโปรงท้ายจะเปิดทันทีชิลๆ อาจจะดูเล็กน้อยแต่ประโยชน์มหาศาลมาก
จุดหมายที่เราวางไว้ครั้งนี้คือเราจะไปกินเนื้อกันที่ Prime 19 อ.ปากช่อง ระยะทางไปกลับประมาณ 380 กิโลเมตร ขับกันเพลินๆ อยู่กันยาวๆ กับเจ้า AMG GLC43 หนึ่งวันเต็มๆ ที่ยัดเครื่องยนต์ขนาด 3 ลิตร V6 เทอร์โบคู่ 390 แรงม้า เครื่องขนาดนี้จะสร้างความเร้าใจได้มากขนาดไหน ตอนแรกก็แอบกังวลอยู่เหมือนกันเพราะรถใหญ่ขนาดเต็มเลนมันจะขับไหวมั้ยในเมือง แต่ปรากฎว่าขนาดไม่เป็นปัญหาเลยมันคล่องตัวมากๆ ทัศนวิสัยดีเยี่ยม ผมสามารถปรับตัวเข้ากับรถได้ตั้งแต่ขับรถลงมาจากอาคารจอดรถแคบๆ ตอนแรกก็ลุ้นๆ พอลงมาจากชั้น5 ได้ขับบนถนนกลายเป็นเรื่องชิลๆ ไปเลย
Mercedes-AMG GLC 43 4MATIC Coupe โดดเด่นดุดันด้วยกระจังหน้าแบบ AMG-specific radiator grill ดีไซน์ได้ดุดันเหมือนโกรธใครมาด้วยเส้นโครเมี่ยมแนวตั้ง 17 ชี่ ที่ส่งให้โลโก้ดาวสามแฉกโดดเด่นกระแทกทุกสายตา พร้อมตราสัญลักษณ์ AMG เล็กๆ ด้านซ้าย กระจังหน้าออกแบบรับกับกันชนหน้าพร้อมช่องระบายอากาศขนาดใหญ่เพิ่มความสปอร์ตดุดัน ไฟหน้ามาเป็นแบบ MULTIBEAM LED พร้อมไฟ Daytime แบบ LED พร้อมระบบปรับโคมไฟหน้าตามการเลี้ยวของพวงมาลัย ALS (Active Light System) รวมถึงระบบเพิ่มความสว่างขณะเลี้ยวโค้ง
ด้านข้างดูปราดเปรียวสไตล์รถสปอร์ตคูเป้แม้จะอยู่ในร่างยักษ์อย่างรถเอสยูวีแต่ก็สามารถออกแบบมาได้อย่างลงตัว กระจกมองข้างบานใหญ่พร้อมไฟเลี้ยว LED ควบคุมด้วยระบบไฟฟ้า ล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้วดีไซน์สปอร์ตจาก AMG แบบ 5 ก้านคู่ทูโทน พร้อมยาง Michelin Latitude Sport 3 ยางคู่หน้าขนาด 255/45 R20 และยางคู่หลังมีความอวบอิ่มกว่าที่ขนาด 285/40 R20 คาลิปเปอร์เบรกหน้าสีเทาพร้อมสัญลักษณ์ AMG
ด้านท้ายติดตั้งสปอยเลอร์ AMG Spoiler lip รับเข้ากับฝากระโปรงท้ายอย่างเนียน ในส่วนของตราสัญลักษณาดาวสามแฉกออกแบบมาให้เป็นที่เปิดฝากระโปรงท้ายและซ่อนกล้องมองหลังไว้ในโลโก้อีกด้วย สิ่งที่สร้างความเร้าใจให้กับ AMG GLC43 คันนี้คือปลายท่อไอเสีย 2 ท่อ แบบ 4-pipe look และท่อไอเสียแบบ AMG Performance exhaust system ที่ให้เสียงอันไพเราะ ดุดัน เร้าอารมณ์สุดๆ บอกเลยว่าหันมองทั้งถนนในโหมด SPORT+ พี่ลั่นมากงานนี้!…ปัง ปัง ปัง บูมมมมมมมมขับสนุกแบบไม่เสียอาการได้สัมผัสระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ AMG Performance 4MATIC พร้อมเทคโนโลยีระบบ Dynamic Select ที่มีโหมด การขับขี่ 5 แบบ คือ Eco, Individual, Comfort, Sport และ Sport+ ได้มาขับ AMG GLC43 ทั้งทีจะมาขับโหมด ECO หรือ COMFORT ให้เสียเวลาทำไม มันต้องยัด SPORT หรือไม่ก็ SPORT+ เท่านั้น…กดทีหน้าหงายหลังติดเบาะ แถมระบบช่วงล่างแบบถุงลม AMG RIDE CONTROL+ air suspension Based on AIR BODY CONTROL ปรับแต่งแบบ AMG sports ก็ทำงานได้ดีไม่มีย้วยตอนเปลี่ยนเลนแม้รถจะมีความสูงก็ตาม ตอนเข้าโค้งก็ให้ความมั่นใจจิกโค้งสุดๆ อารมณ์ไม่ต่างอะไรกับขับรถแข่งเลยทีเดียว
พวงมาลัยเฉียบคมแถมมีน้ำหนักแปรผันตามความเร็วของรถแบบพาวเวอร์ไฟฟ้า หลังจากสนุกอยู่ในโหมด SPORT+ ได้สักพักก็ลองกดเข้าโหมด COMFORT ดูมั้งบอกได้เลยว่าคาแรคเตอร์เปลี่ยนเลยทันทีกลายเป็นรถที่มีความสุภาพเรียบร้อยสง่างามให้ความนิ่มนวลชวนฝัน ถือเป็นการเลี้ยวเข้าร้าน PRIME 19 อย่างสง่างาม การมากินเนื้อครั้งนี้เราไม่ได้มาเพียงลำพังแต่ยังมีเพื่อนๆ ร่วมในทริปนี้อีกหลายคัน
อะอะนั้น GLC300e รุ่นปลั๊กอินไฮบริดมาจอดคู่กันกับ AMG GLC43 ไหนๆ ก็ไหนๆ มาดูหน่อยว่ามันต่างกันยังไง จากด้านหน้าจะเห็นเลยว่ากระจังหน้าของ GLC300e จะดูหรูหราสง่างามมาดผู้ดีผิดกับ AMG GLC43 ที่ดูดุดันพร้อมลุยกว่า มาดูด้านท้ายรถ แทบจะไม่ต่างกันต่างกันนิดหน่อยตรงท่อไอเสียและ AMG GLC43 จะมีสปอยเลอร์เล็กๆ ที่ทำให้รถดูสปอร์ตขึ้น
PRIME 19 ร้านที่คนชอบเนื้อต้องมาสักครั้ง มาถึงเราเปิดเกมรุกด้วยเมนูระดับเรือธงของร้าน เนื้อแองกัสสามทหารเสือย่างถ่าน บอกเลยว่าเป็นชุดเนื้อที่อลังการงานสร้างมากๆ เนื้อย่างได้หอมถ่าน เมื่อหั่นแล้วด้านในสุกกำลังดีมีความชุ่มฉ่ำของเนื้อ…จุ๊ยซี่มากๆ
เราจะไม่หยุดแค่นี้ ไหนลองสั่งพิซซ่ามาชิมหน่อยเห็นว่าดังไม่แพ้กัน..จัดไป! กับพิซซ่าคาร์โบนาร่าและพาเมซานชีสเหนียวหนุ่มหวานหอมสมคำเล่าลือ ตบท้ายด้วยสลัดอกเป็ดรมควันและน้ำสลัดบัลซามิค ว่าจะสั่งของหวานมาล้างปากซะหน่อยแต่ไม่ไหวละตึงมากๆ มีโอกาศคงต้องกลับมาลองเมนูอื่นๆ อีก แนะนำเลยร้านนี้ PRIME19 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา
หลังจากกินเนื้อกันเรียบร้อยก็ได้เวลานอน…ไม่สิเราต้องกลับกรุงเทพฯ อย่ารอช้าถ้าเย็นมากรถอาจติดผมรีบกระโดดขึ้น AMG GLC43 แล้วกดโหมด SPORT+ ให้รถคำรามแล้วบึ่งกลับบ้านกันเลย ในช่วงขากลับก็ได้กดปุ่มล๊อกความเร็วที่อยู่บนพวงมาลัยทำให้ชีวิตง่ายขึ้นแม้เราจะจุ่มเท้าไปที่คันเร่งลึกขนาดไหนความเร็วก็จะไม่เกินที่เราตั้งไว้…สบาย
ถึงกรุงเทพฯ ก็มืดค่ำ ถือเป็นเรื่องที่ดีเพราะเราได้เห็นความงามของกาบบันไดสเตนเลส พร้อมสัญลักษณ์ AMG แบบเรืองแสง แถมในห้องโดยสารก็วิบวับไปด้วยไฟเรืองแสงแบบเปลี่ยนได้ 64 สี Ambient Light ที่สร้างอารมณ์ได้หลากหลายจนอยากจะโทรหาเพื่อนมานั่งดื่มเบาๆ กันในรถเลยทีเดียว
ขอขอบคุณ บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่ชวนไปกินเนื้อและทดลองขับ Mercedes-AMG GLC 43 4MATIC Coupe ยักษ์ใหญ่สุดเท่ในครั้งนี้…กราบบบบ