บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย สร้างนิยามใหม่ให้แก่รถยนต์อเนกประสงค์ในเซกเมนต์พรีเมียมด้วยการเปิดตัวบีเอ็มดับเบิลยู X7 ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นที่สุดของตระกูล X ในรูปโฉมแปลกใหม่ที่ต่างจากรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูรุ่นอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นดีไซน์ และมิติรถ เส้นสายในการออกแบบและรูปลักษณ์ที่ทรงพลัง ไปจนถึงห้องโดยสารที่มีความหรูหราล้ำสมัยอย่างเหนือชั้นเบื้องหลังของการออกแบบนั้นประกอบด้วยทีมดีไซเนอร์กว่า 700 คนที่ทำงานร่วมกันจาก 3 มุมโลก ตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งในเมืองมิวนิก ประเทศเยอรมนี รวมทั้งดีไซเนอร์จาก DesignWorks ในเมืองลอส แองเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา และเมืองเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน โดยมีหัวหน้าทีมดีไซเนอร์ อย่างคุณแมทธิอัส ยุงฮันส์ เป็นผู้ดูแล และออกแบบบีเอ็มดับเบิลยู X7 ซึ่งได้มาเยือนเมืองไทยพร้อมกับการเปิดตัวบีเอ็มดับเบิลยู X7 และร่วมพูดคุยถึงเบื้องลึกในการรังสรรค์ดีเอ็นเอใหม่ให้แก่รถยนต์ตระกูล X ของบีเอ็มดับเบิลยู อย่างเจาะลึกทุกขั้นตอน
คุณแมทธิอัส เริ่มเล่าให้ฟังว่าเอกลักษณ์ที่สำคัญ และเป็นพื้นฐานของบีเอ็มดับเบิลยู X7 คือการผสมผสานความหรูหราเหนือระดับของบีเอ็มดับเบิลยูซีรี่ส์ 7 เข้ากับความคล่องตัวของรถบีเอ็มดับเบิลยู SAV ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งหลังจากที่เหล่าดีไซเนอร์ได้รับมอบหมายคอนเซปต์ และข้อกำหนดของรถยนต์ หรือที่เรียกว่า ‘แพ็คเกจ’
หลังจากที่ได้ ‘แพ็คเกจ’ แล้วขั้นต่อไปคือการนำเอาแพ็คเกจนั้นสร้างขึ้นมาให้เป็นรถยนต์ที่สามารถจับต้อง และใช้งานได้ โดยยังคงไว้ซึ่งอารมณ์ ความรู้สึก และคาแร็คเตอร์อันเป็นเอกลักษณ์ของบีเอ็มดับเบิลยู
ขั้นตอนแรกในกระบวนการออกแบบจะเริ่มจากการ ร่างภาพของตัวรถแบบ 2 มิติตามจินตนาการของดีไซเนอร์ ซึ่งความท้าทายของขั้นตอนนี้คือการแข่งขันระหว่างดีไซเนอร์หลายสิบคนที่ร่วมส่งภาพร่างเข้าประกวด และคัดเลือกจนเหลือเพียง 3 ดีไซน์ที่ผ่านไปยังขั้นตอนต่อไป
โดยส่วนตัวแล้วคุณแมทธิอัสคิดว่าขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนที่สนุกที่สุดในการออกแบบ เพราะดีไซเนอร์จะได้ใช้จินตนาการของตนเองอย่างเต็มที่โดยไม่มีข้อจำกัดมากเท่าขั้นตอนต่อๆ ไป โดยการเริ่มออกแบบรถนั้น เราจะเริ่มมองจากภาพรวม หรือภายนอกของตัวรถอย่าง มิติ ขนาด และตำแหน่งของล้อ แล้วไล่ไปยังรายละเอียดปลีกย่อยอย่างเส้นสายบนตัวถัง หรือรายละเอียดต่างๆ ภายในห้องโดยสาร ซึ่ง 3 ดีไซน์สุดท้ายที่ผ่านการคัดเลือกจากหลายสิบดีไซน์ที่ส่งเข้าร่วมประกวดนั้น จะต้องเป็นดีไซน์ที่ตอบโจทย์ของแพ็คเกจมากที่สุด
หลังจากนั้นจะเป็นขั้นตอนของการนำเอาภาพดังกล่าวมาสร้างให้เป็นรูปร่างในอัตราส่วน 1:1 เริ่มจากการใช้เทปแบบพิเศษในการกำหนดโครงสร้าง และขนาดของรถในแบบ 2 มิติ แล้วขึ้นรูปรถต้นแบบด้วยโมเดล CAS และวัสดุแบบพิเศษ ผสานกับการใช้เทคโนโลยี AR (Augmented Reality) เพื่อให้เห็นรูปร่างแบบ 3 มิติในสภาพแวดล้อมเสมือนจริง
ขั้นตอนการสร้างโมเดลอัตราส่วน 1:1 นี้จะเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างดีไซเนอร์ และฝ่ายเทคนิคดีไซน์ โดยบอร์ดบริหารจะเป็นผู้ตัดสินดีไซน์สุดท้ายที่ผ่านไปยังการออกแบบในขั้นตอนต่อๆ ไป เพื่อให้มั่นใจว่าดีไซน์ที่ออกมานั้นอยู่ในระดับพรีเมียมตรงตามเอกลักษณ์ และมาตรฐานของบีเอ็มดับเบิลยู ซึ่งกระบวนการในการออกแบบทั้งหมดตั้งแต่เริ่มต้นจนเผยโฉมดีไซน์ต้นแบบสู่สาธารณชนจะใช้เวลาประมาณ 3-4 ปี
การออกแบบบีเอ็มดับเบิลยู X7 นั้น ถือเป็นการสร้างนิยามใหม่ให้แก่การดีไซน์ของบีเอ็มดับเบิลยู ซึ่งเป็นปรัชญาการดีไซน์ใหม่ที่แสดงถึงโลกสองโลกที่แตกต่างของบีเอ็มดับเบิลยูซีรี่ส์ 7 และบีเอ็มดับเบิลยูตระกูล X ออกมาผ่านดีไซน์ที่มีเส้นสายเรียบง่ายเฉียบคม แต่เปี่ยมไปด้วยอารมณ์และความทรงพลัง
สังเกตุได้จากจุดที่โดดเด่นที่สุดของบีเอ็มดับเบิลยู X7 คือกระจังหน้าทรงไตคู่ขนาดใหญ่ และช่องดักอากาศที่มาในลักษณะแนวตั้ง ตัดกับไฟหน้าในดีไซน์เรียวยาว และดีไซน์ด้านข้างของตัวรถที่มีเพียงเส้นเดียวตัดผ่านตัวถังยาวจากหน้ารถไปจนถึงท้ายรถ บ่งบอกถึงความเรียบง่ายแต่ทรงพลังจากปรัชญาใหม่ในการดีไซน์ของบีเอ็มดับเบิลยู
นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยู X7 ยังโดดเด่นในเรื่องของการใช้แสงเพื่อมอบความหรูหราสง่างาม ทั้งจากดีไซน์ภายนอก และภายในห้องโดยสาร ไม่ว่าจะเป็น เพดานกระจกใสพาโนรามาแบบ Sky Lounge ที่เปิดได้ 3 ตอน เพิ่มความโปร่งรับแสงธรรมชาติอย่างโอ่อ่าเหนือระดับ
ชุดไฟ ambient light เสริมสุนทรียภาพจากแสงไฟถึง 6 สีให้แก่ผู้ขับขี่ และผู้โดยสาร รวมถึงรายละเอียดของดีไซน์ CraftedClarity มอบความหรูหราจากแสงสะท้อนบนวัสดุตกแต่งผลึกแก้วบริเวณหัวเกียร์ ปุ่ม iDrive ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ และปุ่มควบคุมเสียง จึงเรียกได้ว่าความสำคัญของแสง ถือเป็นอีกหนึ่งหัวใจในการออกแบบบีเอ็มดับเบิลยู X7
ก่อนจะสิ้นสุดการสนทนา คุณแมทธิอัส ทิ้งท้ายไว้ว่าเค้าภูมิใจเป็นอย่างมากที่เป็นส่วนหนึ่งของทีมดีไซเนอร์ในการร่วมออกแบบบีเอ็มดับเบิลยู X7 ตั้งแต่เริ่มร่างภาพแรกของรถลงบนกระดาษ มาจนถึงตอนนี้ที่พวกเรากำลังจะได้เห็นบีเอ็มดับเบิลยู X7 ได้โลดแล่นบนท้องถนน
โจทย์ที่สำคัญของดีไซเนอร์คือการออกแบบรูปลักษณ์ภายนอกของรถที่ลงตัวกับระบบการขับเคลื่อน และเทคโนโลยีการขับขี่ต่างๆ ในดีไซน์ที่สามารถก้าวข้ามผ่านเวลา และคงไว้ซึ่งจิตวิญญาณอันเป็นเอกลักษณ์ของบีเอ็มดับเบิลยู ซึ่งเค้ามั่นใจว่าบีเอ็มดับเบิลยู X7 สามารถตอบโจทย์นี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
อ่านเรื่องราวการกำเนิด BMW X7 มาถึงตรงนี้ทำให้ผมนึกถึงเพลงๆ นึงที่ทาง BMW Thailand ได้ทำขึ้นมาอย่างเพลง BE MY WORLD ที่เนื้อหาของเพลงมันตอบแทนความรู้สึกทั้งหมดของผมต่อเจ้า BMW X7 ตอนนี้เสียเหลือเกิน