จะเรียกว่าตื่นเต้นก็ไม่ใช่ จะงั้นๆ ก็ไม่เชิงเพราะผมรู้จักกับกล้อง GoPro ในฐานะ Action Cam อยู่แล้ว แถมยังเป็นคนที่ไม่ค่อยได้ใช้อุปกรณ์พวกนี้ด้วยตัวเองสักเท่าไร แต่หลังจากได้อยู่กับเจ้า HERO7 Black มาทั้งวันกับกิจกรรมอะไรสักอย่างที่ทาง GoPro Thailand ร่วมกับ BMW Thailand จัดกิจกรรมนี้ขึ้นทำให้ผมมองเจ้า HERO7 Black เปลี่ยนไปทันที
HERO7 ทำอะไรได้บางแล้วจะรู้ว่าทำไมต้องตัวท็อปเพราะฟีเจอร์ทั้งหมดอยู่ใน Black เท่านั้น
-
ลดการสั่นไหวของวิดีโอด้วย HyperSmooth – โดยไม่ต้องใช้กิมบอล
-
สตรีมมิ่งไลฟ์ – แชร์เรื่องราวในขณะที่คุณกำลังทำอยู่ด้วยสตรีมมิ่งวิดีโอ พร้อมทั้งบันทึกวิดีโอที่สตรีมลงในการ์ด SD ในความละเอียดสูงได้
-
วิดีโอ TimeWarp – บันทึกวิดีโอไทม์แล็ปส์ที่ไร้การสั่นไหวในขณะที่เราเคลื่อนไหวในฉาก เพิ่มความเร็วได้สูงสุด 30x
-
SuperPhoto – ถ่ายภาพที่ดีที่สุด โดยอัตโนมัติ ด้วยระบบ HDR, Local Tone Mapping และการลดเสียงรบกวน (Multi–Frame Noise Reduction) เพื่อปรับแต่งการถ่ายภาพของคุณ
-
ถ่ายภาพแนวตั้ง – บันทึกภาพถ่ายและวิดีโอในแนวตั้ง ซึ่งเหมาะสำหรับแชร์ลง Snapchat และ Instagram Stories
-
ระบบเสียงที่ดีขึ้น – ปรับแต่งระบบเสียงเพื่อรองรับการจับรูปแบบเสียงได้กว้างขึ้น พร้อมทั้งวัสดุไมโครโฟนรูปแบบใหม่ที่ช่วยลดเสียงสั่นสะเทือนหากบันทึกวิดีโอในสถานการณ์ที่มีการเคลื่อนไหวค่อนข้างแรงอย่างนั่งบนหลังม้า หรือขับรถบนเส้นทางขรุขระ
-
หน้าจอแบบสัมผัส – หน้าจอขนาด 2 นิ้ว ที่ใช้งานได้ง่ายขึ้น และสามารถใช้ถ่ายภาพแนวตั้งได้
-
การตรวจจับใบหน้า รอยยิ้ม และฉาก – HERO7 Black สามารถจดจำใบหน้า การแสดงสีหน้า และลักษณะของฉากได้ เพื่อช่วยให้สามารถตัดต่อวิดีโอผ่าน QuikStory บนแอพ GoPro ได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
-
คลิปสั้น – บันทึกคลิปวิดีโอได้สูงสุด 15 – 30 วินาที เพื่อส่งเข้าโทรศัพท์มือถือ ตัดต่อ และแชร์วิดีโอได้รวดเร็วยิ่งขึ้น เหมาะสำหรับผู้ใช้มือใหม่ หรือเด็กๆ
-
ตั้งเวลาภาพถ่าย – นับเวลาถอยหลังได้ เพื่อการถ่ายรูปเซลฟี่ หรือภาพหมู่
-
ความละเอียดภาพระดับสูง – วิดีโอ 4K60 และภาพถ่าย 12MP
-
วิดีโอที่ช้าลงมากกว่าเดิม – วิดีโอ 8x slow motion ความละเอียด1080p240
-
ทนทานและกันน้ำ – HERO7 Black ทนทานและกันน้ำโดยไม่ต้องใส่ กรอบใด ๆ ลึกถึง 10 เมตร
-
การควบคุมด้วยเสียง – ควบคุมแบบแฮนด์ฟรีด้วยคำสั่งเสียงได้มากถึง 14 ภาษา
-
โอนย้ายไปยังโทรศัพท์อัตโนมัติ – ภาพถ่าย และวิดีโอของเราจะย้ายไปยังโทรศัพท์มือถือได้โดยตรงเมื่อเชื่อมต่อแอพ GoPro
-
สติ๊กเกอร์สมรรถนะ GPS – ติดตามความเร็ว ระยะทาง และความสูง แล้วแปะสติ๊กเกอร์ในวิดีโอด้วยแอพ GoPro เพื่อแสดงความเร็ว ระยะทาง และความสูงในขณะที่เคลื่อนไหว
-
การซูมแบบสัมผัส – จัดเฟรมภาพถ่ายและวิดีโออย่างลงตัวเพียงแค่แตะหน้าจอ
และแน่นอนผมอยากจะแนะนำให้คุณเสียเงินไปกับรุ่นท็อปไปเลยอย่าง HERO7 Black เพราะนอกจากเราจะได้ 4 ฟีเจอร์เด็ดอย่าง HyperSmooth, TimeWarp, SuperPhoto และ Live Stream แถมกล้องยังมีความละเอียดถึง 12MP สามารถถ่ายวิดีโอ bandwidth สูงสุด 78Mbps ที่มีความคมชัดระดับ 4K/60fps
4 ฟีเจอร์ที่เพิ่มขึ้นมา และมีเฉพาะใน HERO7 Black เท่านั้นคือ
- HyperSmooth ที่ทำให้ถ่ายวิดีโอได้แบบเนียนๆ โดยไม่ง้อ Gimbal อันนี้ผมชอบมากเพราะทำให้คลิปที่ถ่ายออกมาดูโปรและเนียนตาขึ้นมาก แต่สุดท้ายใครอยากได้มุมสวย ที่แตกต่างไม้กันสั่นหรืออุปกรณ์ต่างๆ ก็ยังเป็นตัวช่วยที่เลี่ยงไม่ได้อยู่ดี
- TimeWarp ภาพพระอาทิตย์ตกแบบ Timelapse จะดูธรรมดาไปเลยเมื่อเจอกับฟีเจอร์ใหม่ TimeWarp ที่จะทำให้เราได้ภาพแบบเร่งสปีดเก๋ๆ ได้อย่างง่ายๆ โดยการถือ HERO7 Black เดินไปได้เลย ภาพที่ออกมาจะดูสนุกแปลกตาขึ้นกว่าเดิม
- SuperPhoto ระบบการจัดการภาพที่แสนจะชาญฉลาดโดย HERO7 Black จะจัดการทำ HDR, Local Tone Mapping และ Multi-Frame Noise Reduction ทำให้ภาพขนาด 12 ล้านพิกเซลของเราออกมาเหมือนภาพถ่ายจากมืออาชีพ
- ถูกอกถูกใจเหล่าบล็อกเกอร์แน่นอนด้วยการทำ Live Stream ผ่าน HERO7 Black ไปขึ้นโซเชียลมีเดียยอดฮิตอย่าง Facebook, YouTube, Twitch รับรองว่าวงการไลฟ์สดจะต้องคึกคักขึ้นอย่างแน่นอน
ทั้งหมดนี้จะมีใน GoPro รุ่นท็อป Hero7 Black เท่านั้นและที่สำคัญยังสามารถต่อไมค์เสริม และ เปลี่ยนแบตเตอรี่ได้อีกด้วย นี้ขนาดลองเล่นแบบงงๆ แค่วันเดียวยังทำให้หลงรักขนาดนี้ถ้าได้มาใช้งานจนคล่องจะสนุกขนาดไหน ใครที่คันทนอีกนิดวันที่ 27 กันยายนนี้ไปทำให้หายคันกันเพราะจะวางขายเป็นวันแรก