ปัจจุบัน กรุงเทพมหานครจัดเป็นเมืองหลวงที่มีมลภาวะทางอากาศสูงติดอันดับโลก ซึ่งเป็นผลกระทบจากปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กเกินกว่า 2.5 ไมครอน หรือที่เรียกกันว่า PM2.5 โดยระหว่างช่วงต้นปีที่ผ่านมา ประชาชนในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ได้รับคำแนะนำให้หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่แจ้ง และต้องสวมใส่หน้ากากเพื่อป้องกันฝุ่น โดยวิกฤตในครั้งนี้ได้นำมาซึ่งความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน เพื่อแก้ไขปัญหาที่กระทบกับการดำรงชีวิตของคนในสังคม บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด จึงมีแนวคิดที่จะจัดกิจกรรมเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมด้วยการช่วยปลูกต้นไม้ เพิ่มพื้นที่สีเขียว และเพื่อจุดประกายให้ทุกคนเห็นว่า เราสามารถช่วยให้สภาพอากาศและสิ่งแวดล้อมดีขึ้นได้ ด้วยมือของพวกเราทุกคน
มร. โฮจุน ฮวาง ประธานธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้า บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด กล่าวว่า “ซัมซุงตระหนักดีว่าธรรมชาตินั้นเป็นสิ่งสำคัญต่อชีวิตของเราเป็นอย่างยิ่ง ทุกๆ คน รวมถึงพนักงานของพวกเราเอง ต่างก็เผชิญกับผลกระทบจากวิกฤตการมลภาวะทางอากาศเช่นกัน ดังนั้นในวันนี้ อาสาฯ ซัมซุงกว่า 70 คน ที่มาจากทั้งสำนักงานใหญ่ในกรุงเทพมหานคร โรงงานในอำเภอศรีราชา และบริษัท ไทยซัมซุง ประกันชีวิต จํากัด (มหาชน) จึงได้ร่วมมือกันเพื่อช่วยบรรเทาปัญหามลภาวะทางอากาศ ด้วยการปลูกต้นไม้ และดำเนินกิจกรรมเชิงอนุรักษ์ ที่ศูนย์ศึกษาธรรมชาติกองทัพบก (บางปู)ฯ ซัมซุงภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการช่วยเพิ่มความสมดุลให้กับระบบนิเวศ เพื่อช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมให้อยู่กับทุกคนไปนานๆ”
จากผลสำรวจจากหน่วยงานเพื่อสิ่งแวดล้อมอย่างมหาวิทยาลัยมหิดล ระบุว่าการปลูกต้นไม้นั้นสามารถลดและดักจับฝุ่นละอองได้ โดยต้นไม้จะดูดซับสารพิษในอากาศได้ 10-90% และช่วยเก็บฝุ่นได้ถึง 60-80% ซัมซุงจึงเชื่อว่าพวกเราทุกคนสามารถเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ และต้นไม้ทุกต้นนั้นมีความสำคัญในการลดปัญหามลภาวะทางอากาศได้ในระยะยาว
กิจกรรม Samsung Love and Care ครั้งนี้ เหล่าอาสาสมัครกว่า 70 คน ได้ร่วมกันปลูกต้นโกงกาง 300 ต้น เพื่อช่วยดักจับฝุ่นละอองและเพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับป่าชายเลนในพื้นที่ของศูนย์ศึกษาธรรมชาติกองทัพบก (บางปู) ฯ ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ 639 ไร่ โดยนอกจากจะปลูกป่าแล้ว ชาวจิตอาสายังร่วมปล่อยปู จำนวน 60 ตัว ที่ถูกจับเพื่อรอนำไปขาย ให้กลับคืนสู่ธรรมชาติ รวมทั้งยังร่วมมือกันเก็บขยะบริเวณชายฝั่งได้ถึง 188 กิโลกรัม ซึ่งกิจกรรมนี้ไม่ได้เพียงแค่ช่วยลดมลภาวะเท่านั้น แต่ยังคืนความอุดมสมบูรณ์ให้กับระบบนิเวศบริเวณป่าชายเลนอีกด้วย
ดร.ฉวีวรรณ หุตะเจริญ ประธานมูลนิธิสิ่งแวดล้อมศึกษาเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน (ประเทศไทย) ตัวแทนจากศูนย์ศึกษาธรรมชาติกองทัพบกบางปู กล่าวว่า “ศูนย์ศึกษาธรรมชาติกองทัพบกบางปูเป็นศูนย์ศึกษาแรกที่ให้ความรู้เรื่องการอนุรักษ์ธรรมชาติ ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2548โดยมีวัถุประสงค์เพื่อฟื้นคืนระบบนิเวศป่าโกงกางในเขตพื้นที่บางปู ซึ่งได้รับผลกระทบจากขยะอุตสาหกรรม และด้วยความที่บางปูนั้นตั้งอยู่ติดกับกรุงเทพมหานคร เราจึงเชื่อว่าการปลูกต้นไม้เพิ่มในบริเวรนี้ จะช่วยบรรเทาปัญหามลภาวะทางอากาศให้กับกรุงเทพมหานครและปริมณฑลได้ นอกเหนือจากปัญหามลภาวะแล้วนั้น ปีนี้ศูนย์วางแผนไว้ว่าจะขยายบริเวณป่าโกงกางให้กว้างขึ้น เพื่อสร้างความสมดุลให้ระบบนิเวศและแก้ปัญหาชายฝั่งถูกกัดเซาะ ดังนั้นการที่มีเหล่าอาสาสมัครจากซัมซุง มาร่วมมือกันฟื้นสิ่งแวดล้อมอีกครั้ง จึงนับได้ว่าเป็นประโยชน์มาก”
วีระพงษ์ แก้ววงษ์บน หนึ่งในอาสาสมัครจากซัมซุง เผยว่า “วันนี้ได้ร่วมกิจกรรมหลายอย่าง ทั้งปลูกป่า ปล่อยปู และเก็บขยะ ก่อนหน้านี้ผมเคยแต่ฟังข่าวเรื่องฝุ่น PM2.5 แต่ยังไม่เคยได้ทำอะไรเพื่อช่วยแก้ปัญหานี้ แต่วันนี้ผมได้เป็นส่วนหนึ่งในการปลูกป่า ซึ่งจะช่วยลดฝุ่นทางอ้อม ก็รู้สึกดีใจที่แม้เราจะเป็นเพียงส่วนเล็กๆ ในสังคม และก็สามารถช่วยแก้ปัญหานี้ได้ นอกจากนี้ยังได้รับความรู้เกี่ยวกับความหลากหลายทางชีวภาพจากเจ้าหน้าที่ศูนย์ฯ ทำให้รู้สึกถึงคุณค่าของสิ่งแวดล้อมรอบตัวมากขึ้นครับ”
Samsung Love and Care เป็นโครงการเพื่อสังคมระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเชียงใต้และโอเชเนีย ที่ริเริ่มขึ้นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2556 และยังคงดำเนินกิจกรรมอย่างต่อเนื่องทุกปีจนถึงปัจจุบัน เหล่าอาสาสมัครจากซัมซุงได้เข้าร่วมกิจกรรมในโครงการฯ รวมเป็นเวลากว่า 10,000ชั่วโมง เพื่อช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตผู้คนในสังคม โดยปัจจุบันมีผู้ได้รับความช่วยเหลือจากโครงการนี้เป็นจำนวนกว่า 9,000 คน